ก่อนดวลกันอีกครั้ง

วันจันทร์ที่ 01 กันยายน 2568 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
204
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
การจับสลาก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ ลีก เฟส ออกมาเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งต้องบอกว่า เชลซี เจอกับงานที่หนักทีเดียว

    คู่แข่งที่ "สิงห์บลูส์" ต้องเจอเริ่มตั้งแต่ บาเยิร์น มิวนิค (เยือน), เบนฟิก้า (เหย้า), อาแจ็กซ์ (เหย้า) การาบัก (เยือน), บาร์เซโลน่า (เหย้า), อตาลันต้า (เยือน), ปาฟอส (เหย้า) และ นาโปลี (เยือน)

    ในอดีตที่ผ่านมามีแค่ อตาลันต้า และ ปาฟอส สองทีมเท่านั้นที่ เชลซี ยังไม่เคยเจอ แต่อีก 6 ทีมที่เหลือทีมเคยผ่านมาหมดแล้ว

    วันนี้จะย้อนไปดูการเจอกับ 6 ทีมก่อนหน้านี้กับผลงานที่ดีที่สุด รวมถึงการคว้าแชมป์รายการนี้ครั้งแรกของสโมสรเมื่อปี 2012 ด้วย

เชลซี 4-2 บาร์เซโลน่า
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2
8 มีนาคม 2005


    เกมนี้ถือเป็นหนึ่งในแม็ตช์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ เชลซี และตอกย้ำความเป็นคู่ปรับระหว่างพวกเขากับ บาร์เซโลน่า ในช่วงเวลานั้นที่เต็มไปด้วยสุดยอดแข้งอย่าง การ์เลส ปูโยล, ชาบี เอร์นานเดซ, อันเดรส อีเนียสต้า, ซามูเอล เอโต้ และ โรนัลดินโญ่

    หลังจากที่แพ้มาก่อน 1-2 ในเกมเลกแรกที่ คัมป์ นู ทัพ "สิงห์บลูส์" ภายใต้การนำของ โชเซ่ มูรินโญ่ ลงสู่สนามที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม

    เชลซี เปิดตัวอย่างร้อนแรงต่อหน้าแฟนบอลด้วยการทะลวงตาข่ายนำห่าง 3-0 จาก ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น, แฟร้งค์ แลมพาร์ด และ เดเมี่ยน ดัฟฟ์ แต่ว่าสถานการณ์ก็มาพลิกผันเมื่อ โรนัลดินโญ่ ทำ 2 ประตูให้ "เจ้าบุญทุ่ม" ไล่มาเป็น2-3 พลิกสถานการณ์กลับมาได้เปรียบจากกฎประตูทีมเยือน

    อย่างไรก็ตามสุดท้ายเป็น จอห์น เทอร์รี่ ที่เป็นฮีโร่พังประตูให้ทีมคว้าชัย 4-2 ผ่านเข้ารอบได้สำเร็จ น่าเสียดายที่สุดท้ายทีมไปจอดป้ายที่รอบรองชนะเลิศหลังแพ้ ลิเวอร์พูล ด้วยสกอร์รวม 0-1

เชลซี 4-1 นาโปลี
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2
14 มีนาคม 2012


    อีกหนึ่งในเกมแห่งความทรงจำของแฟนบอล เชลซี และมันเกิดขึ้นที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ อีกครั้ง หลังจากเกมแรกที่ทีมไปโดน นาโปลี อัดมาก่อน 1-3 ที่ อิตาลี

    อันเดร วิลลาช-โบอาช ที่คุมทีมมาตั้งแต่ต้นซีซั่นถูกปลดจากตำแหน่งและ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ เข้ามาคุมทีมต่อไม่ถึง 2 สัปดาห์ก่อนเกมนี้

    "สิงห์บลูส์" นำก่อน 1-0 ในครึ่งแรกจากประตูของ ดิดิเยร์ ดร็อกบา จากนั้นต้นครึ่งหลัง จอห์น เทอร์รี่ มาบวกประตูที่สองให้กับทีม แต่สถานการณ์กลับตึงเครียดขึ้นเมื่อโดน โกคาน อินเลอน์ มาตีไข่แตกให้ทีมเยือนนาทีที่ 55

    แต่จากพลพรรคสีน้ำเงินก็รวมพลังกันและจุดประกายแรกจากจุดโทษของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด นาทีที่ 75 ยืดเกมออกไปในช่งต่อเวลาพิเศษและเป็น บรานิสลาฟ อิวโนวิช ที่เป็นฮีโร่พังประตูช่วงทดเจ็บครึ่งแรกช่วยทีมคว้าชัยได้ 4-1

เชลซี 2-1 เบนฟิก้า
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดที่ 2
4 เมษายน 2012


    ยังอยู่ในการแข่งขันปีเดียวกับรอบถัดมาหลังจากที่ผ่าน นาโปลี มาได้ คราวนี้เป็นทีของทีมแกร่งจาก โปรตุเกส อย่าง เบนฟิก้า โดยเกมแรกที่ เอสตาดิโอ ดา ลูซ ทีมบุกคว้าชัย 1-0 จากประตูของ ซาโลมง กาลู

    นาทีที่ 21 ของเกมที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ แฟนบอลเจ้าบ้านได้เฮกันเมื่อ แฟร้งค์ แลมพาร์ด สังหารจุดโทษเข้าไป และรอบตัดเชือกดูไม่น่าจะหลุดลอยไปไหนเมื่อผู้มาเยือนเหลือ 10 คน หลัง มักซี่ เปเรยร่า โดนไล่ออกจากสนาม

    แต่ช่วงท้ายกลับมามีเสียวเใอ ฆาบี การ์เซีย ตามตีเสมอให้ผู้มาเยือนได้ แต่ว่าในช่วงทดเจ็บ ราอูล เมยเรเลส มายิงประตูในจังหวะสวนกลับช่วยให้ทีมได้ฉลองกัน

เชลซี 1-1 บาเยิร์น มิวนิค (ต่อเวลาพิเศษ, ชนะจุดโทษ 4-3)
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ
19 พฤษภาคม 2012


    เชลซี ลงสนามในเกมนี้พร้อมกับความเสียเปรียบอยู่เล็กน้อยเมื่อสังเวียนการแข่งขันคือ อัลลิอันซ์ อารีน่า ที่เป็นสนามเหย้าของ บาเยิร์น มิวนิค พอดี

    เกมสู้กันอย่างสูสีและเมื่อเข้าสู่ช่วง 7 นาทีสุดท้ายเป็น โธมัส มุลเลอร์ ที่พังตาข่ายให้ทัพ "เสือใต้" ออกนำท่ามกลางเสียงเฮสนั่นหวั่นไหวของแฟนบอล

    แต่ในนาทีที่ 88 ดิดิเยร์ ดร็อกบา ขึ้นโหม่งลูกเตะมุมเสียบตาข่ายให้สกอร์กลับมาเท่ากันที่ 1-1 ยื้อไปจนถึงช่วงต่อเวลากระทั่งดวลจุดโทษทัพ "สิงห์บลูส์" ก็ห่อเหี่ยวก่อนเลยเมื่อคนแรกที่ยิงอย่าง ฆวน มาต้า พลาดก่อนเลย

    อย่างไรก็ตามอีก 4 คนที่เหลือทั้ง ดาวิด ลุยซ์, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, โจ โคล และ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ไม่พลาดเลย ส่วนฝั่ง บาเยิร์น มิวนิค มาพลาด 2 คนสถดท้ายทั้ง อิวิช่า โอลิช และ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์

    ถือเป็นเกมที่แฟนบอล เชลซี ไม่มีวันลืมอย่างแน่นอนเพราะนี่คือครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรกับการคว้าโทรฟี่ใหญ่ของยุโรปเป็นครั้งแรก

การาบัก 0-4 เชลซี
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม
22 พฤศจิกายน 2017


    การเจอกับ การาบัก อาจจะไม่ได้เป็นศึกที่น่าสนใจเหมือนกับเกมที่เอ่ยมาก่อนหน้านี้ แต่แฟนบอลก็มีความทรงจำที่ดีกับการเดินทางไกลกว่า 6,000 ไมล์ มาที่ อาเซอร์ไบจาน

    หลังจากเกมแรกของรอบแบ่งกลุ่ม "สิงห์บลูส์" ก็เปิดบ้านถล่มมาขาดลอย 6-0 เกมที่พวกเขาไปเยือนในนัดที่ 5 ก็ไม่ได้ดุดันน้อยกว่าเท่าไรด้วยชัยชนะท่วมท้น 4-0

    เอแด็น อาซาร์, วิลเลี่ยน (2 ประตู) และ เชส ฟาเบรกาส ช่วยกันทำประตูนัดนี้ และทำให้ เชลซี การันตีผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ได้สำเร็จ

เชลซี 4-4 อาแจ็กซ์
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม
6 พฤศจิกายน 2019


    แม้ว่าเกมนี้จะไม่ได้จบลงด้วยชัยชนะอย่างสวยงามของ เชลซี แต่การเดินหน้าลุยอย่างดุดันของนักเตะในเกมนี้ควรค่าแก่การปรบมือให้

    "สิงห์บลูส์" เสียประตูก่อนตั้งแต่ 2 นาทีแรกจากกรทำเข้าประตูตัวเองของ แทมมี่ อบราฮัม แต่ว่านาทีที่ 5 ทีมก็มาได้จุดโทษและ จอร์จินโญ่ ก็มาตามตีเสมอให้กับทีมได้

    อย่างไรก็ตามกลายเป็น อาแจ็กซ์ ที่ทำได้ดีในจังหวะเข้าทำและทะลวงตาข่ายทิ้งห่างถึง 4-1 จาก ควินซี่ โปรเมส นาทีที่ 20, เกปา อาร์รีซาาลาก้า ที่ทำเข้าประตูตัวเองอีกครั้งนาทีที่ 35 และ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค นาทีที่ 55

    สถานการณ์มาพลิกเมื่อ เชลซี ไล่มาเป็น 2-4 จาก เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า แถมทีมเยือนยังมาเหลือ 9 คนเมื่อ ดาเล่ย์ บลินด์ และ โยเอล เฟลท์มัน มาโดนไล่ออกติดๆ กันนาทีที่ 68 และ 69 จากนั้นก็เป็นเจ้าบ้านลุยแหละและมาตีเสมอจนได้จากจุดโทษของ จอร์จินโญ่ นาทีที่ 71 และ รีซ เจมส์ นาทีที่ 74

    ถึงแม้ว่ายังมีเวลาอีกเยอะพอสมควรที่จะยิงเอาชนะได้แต่ทีมทำไม่สำเร็จ แต่ก็ถือเป็นเกมที่สร้างความประทับใจให้แฟนบอลจริงๆ

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด