ส่อง 'เสือใต้' ก่อนดวล เชลซี

แน่นอนว่าด้วย "โปรไฟล์" ของทีมแชมป์ บุนเดสลีกา เยอรมัน ทีมล่าสุดคือคู่แข่งระดับ "เอบวก" และเป็นหนึ่งในทีมเต็งที่จะคว้าแชมป์
ครั้งนี้จะเป็นการมาเล่นที่นี่หนที่ 2 และเป็นครั้งแรกที่แฟนบอลจะได้เข้าไปเชียร์ หลังจากก่อนหน้านี้เคยเจอกันมาแล้วเมื่อฤดูกาล 2019/20 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่ต้องเล่นกันแบบปิดสนามจากการระบาดของไวรัส โควิด-19 โดยครั้งนั้นทีมจบด้วยการแพ้เละ 1-4 และรวมผลสองเกมโดนอัดไป 1-7
ส่วนในปี 2004/05 เกิดขึ้นในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ตอนนั้น เชลซี ไปเยือนที่ โอลิมเปียสตาดิโอ จบด้วยการแพ้ 2-3 แต่เกมแรกที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ทีมชนะไปก่อน 4-2
อีกครั้งที่เจอกันที่นี่ค่อเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2012 ในเกมชิงชนะเลิศ จบเกมด้วยผลเสมอ 1-1 สุดท้าย เชลซี ดวลจุดโทษชนะ 4-3 คว้าแชมป์ถ้วยใหญ่ของยุโรแเป็นสมัยแรก ก่อนจะมาได้อีกครั้งในปี 2021
แฟ้มข้อมูล
ชื่อเต็ม : บาเยิร์น มิวนิค ฟุตบอล คลับ
ประเทศ : เยอรมัน
เมือง : มิวนิค
ก่อตั้ง : 1900
แชมป์เมเจอร์ : บุนเดสลีกา 34 สมัย. ยูโรเปี้ยน คัพ/ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 6 สมัย, เยอรมัน คัพ 20 มัย, ยูฟ่า คัพ 1 สมัย, คัพ วินเนอร์ส คัพ 1 สมัย
หัวหน้าผู้ฝึกสอน : แว็งซ็องต์ ก็องปานี
ผลงานในลีก 2024/25 : อันดับ 1
สนาม : อัลลิอันซ์ อารีน่า
สีประจำสโมสร : แดง/ขาว
ชื่อเล่น : ดี บาเยิร์น, ดี โรเทน
คู่ปรับ : ดอร์มุนด์, 1860 มิวนิค
ประวัติใน แชมปี้ยนส์ ลีก
บาเยิร์น มิวนิค ลงเล่นใน ยูโรเปี้ยน คัพ ครั้งแรกในฤดูกาล 1969/70 โดยประสบความล้มเหลวตั้งแต่เริ่มต้นด้วยการแพ้ แซงต์-เอเตียน จาก ฝรั่งเศส ตั้งแต่รอบแรกด้วยสกอร์รวม 2-3
แต่พลพรรค "เสือใต้" ก็ใช้เวลาไม่นานก็ก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จรายการนี้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการเป็นแชมป์ 3 สมัยติดต่อกันตั้งแต่ปี 1974-1976 หลังจากนั้นทีมได้เข้าชิงชนะเลิศอีก 3 หนแต่จบด้วยความพ่ายแพ้ทั้งหมด และมาได้แชมป์อีกครั้งในปี 2001 และจบด้วยความผิดหวังอีกครั้งในปี 2010
มาถึงปี 2012 ในเกมชิงชนะเลิศที่เข้ารอบได้อีกครั้งพวกเขาแพ้ เชลซี อย่างที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้ แต่ปีถัดมาพวกเขาเข้าชิงอีกครั้งและก็ได้แชมป์จากการชนะคู่แข่งร่วมลีกอย่าง ดอร์ทมุนด์ และหนล่าสุดในปี 2020 เอาชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ได้แชมป์รวม 6 สมัย
ฤดูกาล 2024/25
หลังจากผิดหวังอย่างหนักในฤดูกาล 2023/24 นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงด้วยการแยกทางกับ โธมัส ทูเคิ่ล และดึง แว็งซ็องต์ ก็องปานี และทีมก็เข้าป้ายคว้าแชมป์ บุนเดสลรกา มาครองแบบสบายๆ
อย่างไรก็ตามในฟุตบอลถ้วยพวกเขาทำได้ไม่ดีนัก โดยตกรอบก่อนรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และใน ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ด้วยการแพ้ อินเตอร์ มิลาน และ เปแอสเช
ส่วนบอลถ้วยในประเทศอย่าง เดเอฟเบ โพคาล ทีมตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยการแพ้ให้ เลเวอร์คูเซ่น
ผลงานในซีซั่นนี้
"เสือใต้" เปิดฉากซีซั่นด้วยแชมป์ ซูเปอร์ คัพ เยอรมัน หลังเอาชนะ สตุ๊ตการ์ท 2-1 และเปิดซีซั่นอย่างร้อนแรงด้วยการไล่ถล่ม ไลป์ซิก งดงาม 6-0
หลังจากนั้นทีมลงเล่นในรายการ เดเอฟเบ โพคาล จัดการเชือด เวเฮ่น 3-2 หลังจากนั้นกลับมาลงเล่นในลีกบุกชนะ เอาก์สบวร์ก ด้วยสกอร์ 3-2 และล่าสุดเปิดบ้านถล่ม ฮัมบูร์ก 5-0
เท่ากับว่าพวกเขาชนะรวดทั้ง 5 นัดในฤดูกาลนี้ โดยกดไปแล้วถึง 19 ประตู
ทีมชุดปัจจุบัน
ต้องบอกว่าชื่อชั้นของนักเตะ บาเยิร์น มิวนิค ไม่ธรรมดามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทั้งแข้งทีมชาติเยอรมัน และนักเตะชั้นนำของชาติอื่น
นิโกล่าส์ แจ็คสัน เป็นสตาร์รายล่าสุดที่มาร่วมทีมก่อนตลาดซัมเมอร์จะปิด โดยเข้ามาร่วมกับยอดแข้งทั้ง แฮร์รี่ เคน, ไมเคิ่ล โอลิเซ่, แซร์ช นาบรี้, หลุยส์ ดีอาซ และ จามาล มูเซียล่า น่าเสียดายที่รายหลังเจ็บต้องพักหลายเดือน
มานูเอล นอยเออร์ ผู้รักษาประตูมือเก๋ายังคงลงเฝ้าเสาให้กับทีม นอกจากนี้ยังมี โยชัว คิมมิค, เลออร โกเรตซ์ก้า และ โจนาธาน ทาห์ ที่เป็นตัวหลักในทัพ "อินทรีเหล็ก"
อดีตผู้เล่นชื่อดัง
ต้องบอกว่าในอดีตมีซูเปอร์สตาร์ชื่อดังมากมายที่เคยเล่นกับ บาเยิร์น มิวนิค ทั้ง ฟรานซ์ เบ็คเค่นบาวเออร์, แกร์ด มุลเลอร์, เซ็ปป์ ไมเออร์, คาร์ล-ไฮน์ซ์ รุมเมนิกเก้, โลธ่าร์ มัทเธอุส, โอลิเวอร์ คาห์น, ไมเคิ่ล บัลลัค, ฟิลลิปป์ ลาห์ม, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ และ โธมัส มุลเลอร์ ซึ่งนี่แค่บางส่วนเท่านั้น
นอกจากนี้ในชุดรองแชมป์ปี 2012 ที่แพ้ เชลซี ก็มีดาวดังอย่าง ฟร้องค์ ริเบรี่, อาร์เยน ร็อบเบน และ ดาวิด อลาบา
การพบกันที่ผ่านมา
ฤดูกาล 2004/05 รอบก่อนรองชนะเลิศ
เชลซี 4-2 บาเยิร์น มิวนิค
บาเยิร์น มิวนิค 3-2 เชลซี
(เชลซี เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 6-5)
ฤดูกาล 2011/12 รอบชิงชนะเลิศ
บาเยิร์น มิวนิค 1-1 เชลซี (เชลซี ชนะจุดโทษ 4-3)
ฤดูกาล 2019/20 รอบ 16 ทีมสุดท้าย
เชลซี 0-3 บาเยิร์น มิวนิค
บาเยิร์น มิวนิค 4-1 เชลซี (บาเยิร์น มิวนิค เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 7-1)