กดดันตั้งแต่เริ่ม

"สิงห์บลูส์" ประกาศว่า แคสเปอร์ สไตล์สวิค ผู้บริหารชาวเดนมาร์ก ลาออกจากตำแหน่งไป โดยมีข่าววงในระบุว่าสาเหตุหลักคือการที่ไม่สามารถหาสปอนเซอร์เสื้อแข่งให้กับสโมสรได้
ถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติเหมือนกันที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับสโมสรอย่าง เชลซี ที่เรียกได้ว่าเป็นสโมสรใหญ่ระดับยุโรปและปีนี้พวกเขาก็แข่งขันในเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่กลับไร้สปอนเซอร์สนับสนุนบนเสื้อแข่ง
มีรายงานว่าพวกเขาเรียกร้องเงินที่ราว 60-65 ล้านปอนด์ต่อปี ซึ่งจะว่าไปก็ต้องบอกว่าไม่ได้สูงอะไรมากมายนัก
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของสโมสรที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเนื่องจากเมื่อฤดูกาลที่แล้วพวกเขาก็ไม่มีสปอนเซอร์และที่เห็น "DAMAC" ที่อยู่บนเสื้อช่วงท้ายมาจากการเซ็นสัญญาระยะสั้นช่วง 7 เกมสุดท้ายของฤดูกาลเท่านั้น
ขณะที่ "Infinite Athlete" ที่เป็นผู้สนับสนุนทีมตลอดฤดูกาล 2023/24 ก็เซ็นสัญญากับเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้นและไม่ได้มีการขยายเวลาออกไป
นี่เป็นการปรับโครงสร้างผู้บริหารระดับสูงครั้งที่สองของเชลซีในรอบหนึ่งปี
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกันยายน 2024 - คริส ยูราเซ็ค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารก็ลาออกหลังทำงานอยู่เพียง 15 เดือน
เจสัน แกนน่อน ที่ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการอยู่แล้ว ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานสโมสรในเวลาต่อมา และทำหน้าที่ซีอีโอมาโดยตลอด
กับการปรับโครงสร้างครั้งใหม่ เจมี่ เมอร์เรย์ อดีตผู้บริหารของ เอซี มิลาน และ อาร์เซน่อล ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ส่วน ฟิล ลินช์ อดีตนักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เพิ่มตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดิจิทัลให้กับตำแหน่งการตลาดและหน้าที่อื่นๆ ร่วมด้วย
สิ่งที่แฟนบอล เชลซี อาจจะอยากเห็นคือการซื้อชุดแข่งใหม่ในวันคริสมาสต์และมีสปอนเซอร์อยู่บนหน้าอกด้วย ซึ่งนั่นคือภารกิจเร่งด่วนของ ท็อดด์ ไคลน์ ที่มาอยู่กับทีมตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน และถูกดันขึ้นมา
ประวัติการทำงานของเขารวมถึงการคว้าสิทธิ์การตั้งชื่อสนาม ฮาร์ดร็อค ให้กับ ไมอามี โดลฟินส์ ในศึก เอ็นเอฟแอล ในปี 2016 ซึ่งในขณะนั้นเงิน 180 ล้านปอนด์ ถือเป็นหนึ่งในสปอนเซอร์รายใหญ่ที่สุดในยุคนั้น รวมถึงการทำงานกับ สเปอร์ส ที่ทาง ท็อดด์ ไคลน์ ดูแลเรื่องรายได้ให้กับ "ไก่เดือยทอง"
แน่นอนว่า เชลซี ก็หวังว่าเขาจะช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จในการหาสปอนเซอร์ได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งมันแอบมีเงื่อนไขไม่ใช่แค่เรื่องเงินเพียงอย่างเดียว แต่อยากให้ข้อตกลงนี้ต้องมีศักยภาพที่จะก้าวข้ามชื่อบนชุดแข่งจำลอง และสอดคล้องกับค่านิยมของสโมสรด้วย
แม้ว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นที่นำโดย ท็อดด์ โบห์ลี่ กับ เบห์ดาด เอ็กห์บาลี่ รวมกับกลุ่มทุนอย่าง เคลียร์เลค แคปิตอล จะร่ำรวยมหาศาล แต่นี่ไม่ใช่องค์กรการกุศล ค่าใช้จ่ายอันมหาศาลของสโมสรยังรออยู่
มหาเศรษฐีผู้นี้ให้ความสนใจอย่างมากในทุกด้านของธุรกิจ ไม่เพียงแต่การเพิ่มมูลค่าของสปอนเซอร์เสื้อแข่งให้สูงสุดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และนั่นคืองานหนักที่ ท็อดด์ ไคลน์ ต้องทำให้สำเร็จเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาดีพอกับตำแหน่งนี้
ไม่อย่างนี้จบฤดูกาลเราอาจจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในงานบริหารของสโมสรอีกแน่