ดีพอแย่งแชมป์รึเปล่า

วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2568 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
378
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
วันอาทิตย์นี้ ถือเป็นอีกเกมสำคัญของ เชลซี กับการเจอ อาร์เซน่อล ที่ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่ไม่ใช่การพบกันธรรมดา แต่อาจจะเป็นเดิมพันแชมป์ พรีเมียร์ลีก

    จริงอยู่ที่มันอาจจะเร็วเกินไปที่จะพูดแบบนั้นแต่ด้วยคะแนนที่ "สิงห์บลูส์" ตามหลังอยู่ 6 แต้ม หากชนะช่องว่างจะเหลือแค่ 3 กดดันทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ทันที หรือถ้าหากแพ้ ช่องว่างจะขยับเป็น 9 แต้ม ถือว่าไกลพอสมควร

    ในอดีตที่ผ่านมาทั้งสองทีมเจอกันมาแล้ว 211 เกมทุกรายการ โดย เชลซี ชนะ 66 เสมอ 61 แพ้ 84 นับเฉพาะใน พรีเมียร์ลีก เจอกันมา 176 ครั้ง เชลซี ชระ 54 เสมอ 52 แพ้ 70

    เรียกได้ว่าสถิติที่ผ่านมาเป็นรองอยู่พอสมควร และเมื่อมองฟอร์มในซีซั่นนี้ "ปืนใหญ่" ถือว่าแข็งแกร่งมากๆ

    ชัยชนะเหนือ บาร์เซโลน่า ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาคงช่วยเพิ่มความมั่นใจได้เป็นอย่างดี วันนี้เราจะไปดูเกมในความทรงจำที่ เชลซี ชนะ อาร์เซน่อล ได้ในช่วงศตวรรษที่ 20


เชลซี 4-1 อาร์เซน่อล

รายการ : ยูโรปา ลีก รอบชิงชนะเลิศ

วันที่ : 29 พฤษภาคม 2019

    เกมสำคัญล่าสุดที่ทั้งสองทีมเจอกันที่ อาเซอร์ไบจาน คือเกมชิงชนะเลิศศึกถ้วย ยูโรปา ลีก เมื่อฤดูกาล 2018/19

    โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ทำประตูใส่ทีมเก่าได้ในนาทีที่ 49 จากลูกโหม่งที่ส่งให้เขาคว้าดาวซัลโวของรายการนี้ไปครอง ตามด้วยประตูของ เปโดร โรดรีเกซ นาทีที่ 60

    เอแด็น อาซาร์ แสดงให้เห็นอีกครั้งว่าเขาคือยอดแข้งตัวท็อปของโลกหลังจากที่เป็นคนแอสซิสต์ให้ เปโดร เขาก็ทำประตูให้ทีมหนีเป็น 3-0 นาทีที่ 65

    แม้ อเล็กซ์ อีโวบี้ จะมาตีไข่แตกให้ "ปืนใหญ่" นาทีที่ 69 แต่อีก 3 นาทีให้หลัง อาซาร์ มาสังหารจุดโทษให้ทีมคว้าชัยขาดลอย 4-1 คว้าแชมป์รายการนี้เป็นหนที่ 2 ในประวัติศาสตร์สโมสร ถือเป็นเกมส่วท้ายสตาร์ทีมชาติเบลเยี่ยม ก่อนย้ายไป เรอัล มาดริด อย่างน่าประทับใจ


เชลซี 3-1 อาร์เซน่อล

รายการ : พรีเมียร์ลีก

วันที่ : 4 กุมภาพันธ์ 2017

    เป็นอีกเกมที่ เอแด็น อาซาร์ แสดงให้เห็นว่าเขาเก่งแค่ไหนและมีความสำคัญกับเกมรุกของ เชลซี มากแค่ไหนกับการเล่นงานเกมรับของ อาร์เซน่อล

    มาร์กอส อลอนโซ่ ทำประตูให้ เชลซี ขึ้นนำก่อนในนาที่ 13 ตามด้วยประตูของ อาซาร์ ในนาทีที่ 53 หลังพาบอลเข้าเขตโทษและสับไกผ่านมือ ปีเตอร์ เช็ก เข้าไป

    เชส ฟาเบรกาส ยิงประตูใส่ทีมเก่านาทีที่ 85 ก่อนที่ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ จะมาตีไข่แตกให้ทีมเยือนในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แต่ก็ทำได้แค่นั้น

    ผลงานการแขันในเกมนี้ถือเป็นหนึ่งในเกมสำคัญต่อการไล่ล่าแชมป์และทีมก็จบด้วยการได้โทรฟี่ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาครอบครองในที่สุด


เชลซี 6-0 อาร์เซน่อล

รายการ : พรีเมียร์ลีก

วันที่ : 22 มีนาคม 2014

    ชัยชนะที่ขาดลอยที่สุดของ เชลซี เหนือ อาร์เซน่อล ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ฝั่ง "ปืนใหญ่" ควรจะเฉลิมฉลองกันเพราะนี่คือการคุมเกมนัดที่ 1,000 ของ อาร์แซน เวนเกอร์

    ฝั่งสีแดงหวังว่ามีพลังแฝงเพื่อเจ้านาย แม้ว่าสถิติมาเยือนที่นี่ก่อนหน้านี้จะแพ้ถึง 5 จาก 6 นัดก็ตามแต่สุดท้ายก็เอาไม่อยู่

    เชลซี ออกนำ 2-0 อย่างรวดเร็วจาก ซามูเอล เอโต้ นาทีที่ 5 และ อันเดร เชือร์เร่ นาทีที่ 7 หลังจากนั้นสถานการณ์ของ อาร์เซน่อล ยิ่งแย่เมื่อมาเหลือ 10 คนหลัง คีแรน กิ๊บบ์ส โดนไล่ออกนาทีที่ 15 จากความผิดพลาดของผู้ตัดสินเมื่ออันที่จริงคนที่ควรโดนไล่ออกต้องเป็น อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ที่เป็นคตทำแฮนด์บอลในเขตโทษ

    เอแด็น อาซาร์ สังหารจุดโทษเข้าไปนาทีที่ 17 ตามด้วย ออสการ์ ส่งบอลสู่ก้นตาข่ายนาทีที่ 42 ให้ทีมนำห่าง 4-0 เมื่อจบครึ่งแรก

    ครึ่งหลังทีมยังมาบวกเพิ่มอีก 2 ลูกขาก ออสการ์ นาทีที่ 66 และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นาทีที่ 71 ถือเป็นงานฉลองของ อาร์แซน เวนเกอร์ ที่กร่อยมากจริงๆ


อาร์เซน่อล 1-2 เชลซี

รายการ : เอฟเอ คัพ

วันที่ : 18 เมษายน 2009

    เกมรอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ฤดูกาล 2008/09 แข่งกันที่สนาม เวมบลีย์ ในกรุงลอนดอน เรียกได้ว่าทั้งคู่ก็ล้วนเป็นเจ้าถิ่นเหมือนกัน

    อาร์เซน่อล ออกสตาร์ทได้ดีด้วยการทำประตูออกนำก่อนจาก ธีโอ วัลต็อตต์ แต่ก็มาโดน ฟลอร็องต์ มาลูด้า กดด้วยซ้ายเสียบตาข่ายตีเสมอให้กับทีม

    ในขณะที่เกมน่าจะจบลงด้วยผลเสมอ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ก็โชว์ทีเด็ดพังประตูชัยให้กับ "สิงห์บลูส์" ก่อนหมดเวลา 6 นาที

    สุดท้ายทีมไปเจอกับ เอฟเวอร์ตัน ที่ผ่าน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมชิงชนะเลิศ และแม้เสียประตูตั้งแต่นาทีที่ 1 ให้กับ หลุยส์ ซาฮา แต่ทีมก็มาทำ 2 ประตูจาก ดิดิเยร์ ดร็อกบา และ แฟร้งค์ แลมพาร์ด คว้าแชมป์ไปครอง


อาร์เซน่อล 1-2 เชลซี

รายการ : ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

วันที่ : 9 มีนาคม 2004

    เชลซี ภายใต้การนำของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ อยู่ในความกดดันจากการมาของ โรมัน อบราโมวิช ที่ทุ่มเงินมหาศาลในการเสริมทีมมากกว่า 100 ล้านปอนด์ในช่วงซัมเมอร์และตลาดหน้าหนาว

    ในเกมรอบก่อนรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดที่ 2 ที่ ไฮก์บิวรี่ หลังเกมแรกจบด้วยผลเสมอ 1-1 ทีมก็ต้องเป็นฝ่ายตามหลังก่อนจากประตูของ โSเซ่ เรเยส ในช่วงทดเจ็บครึ่งแรก

    อย่างไรก็ตามทีมมาทำ 2 ประตูในครึ่งหลังจาก แฟร้งค์ แลมพาร์ด นาทีที่ 51 และ เวย์น บริดจ์ นาทีที่ 87 ส่งให้ทีมเข้ารอบรองชนะเลิศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร

    อย่างไรก็ตามทีมไปแพ้ โมนาโก ที่สกอร์รวม 3-5 แต่ทีมดังจาก ฝรั่งเศส ก็แพ้ ปอร์โต้ ของ โชเซ่ มูรินโญ่ 3-0 และในช่วงซัมเมอร์ 2004 เจาก็ถูกดึงมานั่งเก้าอี้นายใหญ่ของ "สิงห์บลูส์" นั่นเอง

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด