แต้มที่น่าพอใจ
เพราะพวกเขาได้เห็นฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมของทีม และต้องบอกว่า "สิงห์บลูส์" ถือเป็นทีมที่ดีกว่าในการเผชิญหน้ากับจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก แม้จะเหลือผู้เล่นเพียง 10 คนก็ตาม
โดยเฉพาะในครึ่งช่วงโมงแรกในช่วงที่ตัวผู้เล่นเท่ากันต้องบอกว่าทีมเหนือกว่าอย่างเหนได้ชัด แต่ก็อย่างที่บอกทุกอย่างเปลี่ยนไปในนาทีที่ 38 เมื่อ มอยเซส ไกเซโด้ โดนไล่ออกจากสนาม
ถือว่าเสียหายอย่างมากเมื่อมองว่าเขาคือตัวตัดเกมและแทบจะเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดของสโมสรในฤดูกาลนี้
แต่ถึงจะตัวน้อยกว่าแต่ทีมก็ยังมาขึ้นนำจากลูกเตะมุมที่ รีซ เจมส์ เปิดมาให้ เทรโวห์ ชาโลบาห์ โหม่งเข้าประตูไป ก่อนที่จะมาโดน มิเกล เมรีโน่ โหม่งตีเสมอให้กับผู้มาเยือน
พูดถึงจังหวะเสียประตูของทีมก็ให้ผิดหวังที่ปล่อยให้ทั้ง เมรีโน่ และ โนนี่ มาดูเอเก้ อยู่ตรงนั้น ในขณะที่ทีมกลับมีแค่ มาโล กุสโต ที่รับมืออยู่คนเดียว ทั้งของ เวสเล่ย์ โฟฟาน่า ก็มองเห็นแต่ไม่ถอยลงมาให้สุด
เชลซี จำกัดโอกาสทำประตูของ อาร์เซน่อล อยู่ที่ 8 ครั้งเท่านั้นในซีซั่นนี้ ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดของทัพ "ปืนใหญ่" ต่อหนึ่งเกมในซีซั่นนี้เลย ทั้งที่เล่นด้วยผู้เล่นน้อยกว่าเกือบหนึ่งชั่วโมง
โดยปกติเกม เอ็นโซ่ มาเรสก้า จะโรเตชั่นนักเตะจะด้วยเพื่อความสดของผู้เล่นหรือด้วยทรัพยากรที่มีเหลือใช้ก็ตาม แต่นัดนี้เขาปรับตำแหน่งเดียวจากเกมยุโรปที่เปิดบ้านถล่ม บาร์เซโลน่า 3-0
อเลฮานโดร การ์นาโช่ หลีกทางให้ ชูเอา เปโดร ลงเล่นเป็นกองหน้า พร้อมขยับ เปโดร เนโต้ ลงอยู่ทางซ้ายแทน การ์นาโช่
บรรยากาศใน สแตมฟอร์ด บริดจ์ เกมนี้เหล่าสาวกสีน้ำเงินคึกคักเป็นพิเศษในการล้อเลียนคู่แข่งร่วมเมืองด้วยการตะโกนว่า "แชมป์เปี้ยนแห่งยุโรป" และ "เราได้แชมป์มาหมดแล้ว"
แม้ตอนเหลือผู้เล่นน้อยกว่าจะสร้างความกังวลให้กับพวกเขา แต่ประตูขึ้นนำก็ความฮึกเหิมกลับมาอีกครั้ง
นั่นแสดงให้เห็นว่าแม่ตัวผู้เล่นมากกว่า ทีมก็เล่นเพื่อต้องการชัยชนะ ไม่ได้ขอเสมอเท่านั้น น่าเสียดายจังหวะเสียประตูที่ควรจะป้องกันได้กว่านี้
เมื่อสิ้นเสียงนกหวีดแฟนบอลพร้อมใจกันส่งเสียงเชียร์เพราะพวกเขาก็รับรู้ถึงความพยายามอย่างเต็มที่ของนักเตะในเกมนี้
ช่องว่างระหว่าง เชลซี กับ อาร์เซน่อล ยังอยู่ที่ 6 แต้มเท่าเดิม โดยมี แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เอาชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด สอดขึ้นมาอยู่ที่ 2 แทนด้วยคะแนนที่มากกว่า "สิงห์บลูส์" อยู่ 1 แต้ม
ต่อจากนี้ เชลซี จพต้องเล่นเกมเยือน 3 นัดติดเริ่มจาดเดินทางไปเยือน ลีดส์ ยูไนเต็ด ในวันพุธ จากนั้นทีมจะไปเยือน บอร์นมัธ ในสัปดาห์หน้า และเยือน อตาลันต้า ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก่อนจะกลับมาที่ เดอะ บริดจ์ เจอ เอฟเวอร์ตัน

