อนุ กมธ. พร้อม ดัน "สถาบันมวยไทยแห่งชาติ"

ภายใต้การนำของ นายจำลอง อนันตสุข สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานการประชุมฯ ได้ข้อสรุปจากการศึกษาว่า พระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ. 2542 มีหลายมาตราที่กลายเป็น อุปสรรคสำคัญ และจำกัดความเป็นอิสระในการบริหารจัดการของสถาบันมวยไทยแห่งชาติ จนทำให้ไม่สามารถยกระดับและขับเคลื่อนมวยไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลได้อย่างที่ควรจะเป็น

"คณะอนุกรรมาธิการฯ ยืนยันว่าพร้อมจับมือกับ กกท. เพื่อเร่งแก้ไขมาตราที่เป็นปัญหาใน พ.ร.บ.กีฬามวย เพื่อมอบอำนาจและความเป็นอิสระที่มากขึ้นให้แก่สถาบันฯ" สว. จำลอง กล่าว พร้อมเน้นย้ำถึงการเร่งแก้ปัญหางบประมาณที่ถูกตัดหรือถูกจำกัด ซึ่งส่งผลให้สถาบันฯ ขาดเครื่องมือในการทำงาน

นายเจริญ ชูมณี หรือ "เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง" อดีตนักมวยและเจ้าของยิมชื่อดัง ระบายความอัดอั้นว่า แม้มวยไทยจะเป็นเครื่องจักรผลิตรายได้จากการท่องเที่ยวให้ประเทศมหาศาล แต่กลับไม่เคยได้รับการเหลียวแลจริงจัง โดยเฉพาะนโยบาย Soft Power มวยไทยของรัฐบาลที่ผ่านมา ที่สุดท้ายกลับไม่มีการสานต่อ ปล่อยให้วงการมวยอยู่ไปวันๆ จน "ต่างชาติจะเอาไปกินหมดแล้ว"

ประเด็นที่สร้างความไม่พอใจอย่างมากคือ ช่องโหว่ทางกฎหมายที่ทำให้ชาวต่างชาติสามารถเข้ามาเปิดยิมมวยไทยได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่จดทะเบียนในชื่อภรรยาคนไทย โดยไม่ต้องขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องกับ กกท.

"ครูมวยไทยจะไปเมืองนอกต้องมีไลเซนส์ มีวุฒิ มีเงินในบัญชี ยุ่งยากไปหมด ทำไมฝรั่งเข้ามาเปิดค่ายง่ายจัง! กกท. ทำไมไม่ไปดูแลตรงนี้?" เจริญทองตั้งคำถามอย่างเผ็ดร้อน พร้อมเรียกร้องให้ กกท. ทุกจังหวัดเร่งตรวจสอบและกวาดล้างยิมที่ไม่ได้มาตรฐานเหล่านี้ ก่อนที่ผู้ประกอบการไทยจะสู้ต่างชาติไม่ได้!

นอกจากนี้ นายยงศักดิ์ ณ สงขลา อดีตรองอธิการบดีสถาบันการพลศึกษา ชี้อีกหนึ่งปมปัญหาใหญ่คือ "ภาพลักษณ์ความรุนแรง" ที่ทำให้ผู้ปกครองไทยไม่กล้าส่งบุตรหลานมาเรียน ทั้งที่ต่างชาติได้นำไปปรับใช้จนประสบความสำเร็จอย่างสูง

"ผมเห็นที่ออสเตรเลีย เขาพัฒนากติกามวยไทยสำหรับเด็ก 6 ขวบ เน้นความปลอดภัยเป็นหลัก ช่วง 6-12 ปี ห้ามต่อยศีรษะเด็ดขาด! ลดเวลายกเหลือ 1 นาที พ่อแม่ก็พาลูกมาเรียนกันเพียบ"

นายยงศักดิ์ยังชี้ถึงข้อติดขัดที่ทำให้มวยไทยไปไม่สุดในระดับสากล คือ "กติกาบางข้อที่ต่างชาติไม่ยอมรับ โดยเฉพาะการเตะและถีบกระจับ" ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ที่สถาบันมวยไทยฯ ต้องเร่งหาข้อสรุปเพื่อผลักดันสู่มาตรฐานสากล

คณะอนุกรรมาธิการฯ ได้รับข้อเสนอแนะและปัญหาทั้งหมดไว้ พร้อมให้คำมั่นว่าจะเร่งผลักดันให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดการพิจารณาจัดตั้งสถาบันมวยไทยแห่งชาติ และปลดล็อกกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นศูนย์กลางในการแก้ปัญหาทั้งระบบ ทั้งการควบคุมมาตรฐานครูมวย และการบุกรุกของทุนต่างชาติ