'ดีน'เซฟยับ!พาเลซดับเรือ1-0แชมป์เอฟเอ

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2568
437
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share

คริสตัล พาเลซ ผงาดคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ สมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสร หลังพลิกล็อกเอาชนะทีมเป็นต่ออย่าง แมนฯ ซิตี้ 1-0 จากประตูชัยของ เอเบเรชี่ เอเซ่ โดยฮีโร่ตัวจริงคือ ดีน เฮนเดอร์สัน ที่โชว์ซูเปอร์เซฟสำคัญแบบพัลวัน

ฟุตบอลเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ

คริสตัล พาเลซ 1 - แมนฯ ซิตี้ 0

สนาม : เวมบลีย์ สเตเดี้ยม

แมนฯ ซิตี้ คุมเกมได้หมดตั้งแต่เสียงนกหวีกแรก และนาทีที่ 12 ก็มีลุ้นจะแจ้ง เมื่อ ซาวินโญ่ เปิดเตะมุมทำขวามาให้ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล โหม่ง แต่ถูก ดีน เฮนเดอร์สัน ซูเปอร์เซฟไว้ได้

ทว่ากลายเป็น คริสตัล พาเลซ ที่ออกนำ 1-0 ในนาทีที่ 16 จากจังหวะสวนกลับ ดาเนียล มูนญอซ ได้แตะบอลทะลุขึ้นมาทางกราบขวาแล้วเปิดยัดเข้ากลางให้ เอเบเรชี่ เอเซ่ วิ่งตัดเข้ามาตั้งเท้ายิงบอลเข้าประตูไป

พาเลซ เกือบหนีห่างในนาทีที่ 20 มูนญอซ ได้เปิดจากทางกราบขวาเข้ากลางอีกแล้ว คราวนี้ให้ อิสไมล่า ซาร์ ได้ยิง แต่บอลไปตรงตัว สเตฟาน ออร์เตก้า ป้องกันไว้ได้

นาทีที่ 23 มีจังหวะปัญหาเกิดขึ้น เมื่อ กวาร์ดิโอล โยนยาวขึ้นหน้าให้ ฮาแลนด์ สปีดตามกำลังจะถึงบอล แต่ เฮนเดอร์สัน ใช้มือปัดให้บอลกระดอนออกไปด้านข้าง และจากภาพช้าแสดงให้เห็นว่ามือของ เฮนเดอร์สัน ที่ปัดบอลนั้นอยู่นอกเขตโทษอย่างชัดเจน แต่วีเออาร์ก็ไม่มีการเรียกผู้ตัดสินไปดูจอข้างสนาม ทำให้ เฮนเดอร์สัน ไม่ถูกลงโทษซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นใบแดงเลย 

นาทีที่ 33 แมนฯ ซิตี้ มาได้จุดโทษ เมื่อ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ลากบอลไปจะสุดเส้นหลังอยู่แล้ว แต่ ไทริค มิตเชลล์ ไปพลาดท่าเสียบ แบร์นาร์โด้ ล้มลงไป ผู้ตัดสินคิดสักพักก่อนเป่าเป็นการฟาวล์ ทีแรก เออร์ลิง ฮาแลนด์ ถือบอลไว้ แต่พอจะยิงกลับไป โอมาร์ มาร์มูช และดันซัดไปถูก ดีน เฮนเดอร์สัน พุ่งถูกทางเซฟไว้ได้เฉย

นาทีที่ 43 เป็นโอกาสทองของ ซิตี้ อีกครั้ง เฌเรมี่ โดกู ได้ลากตัดจนมาเอี้ยวตัวปั่นด้วยเท้าขวาในเขตโทษด้านซ้ายอ้อมแนวรับ พาเลซ จะเสียบเสาไกล แต่ เฮนเดอร์สัน ก็ยังพุ่งซูเปอร์เซฟมือเดียวได้อีก

หมดครึ่งแรก คริสตัล พาเลซ นำ แมนฯ ซิตี้ 1-0

ครึ่งหลัง แมนฯ ซิตี้ เกือบตีเสมอได้ทันที เมื่อ ซาวินโญ่ โยนจากฝั่งขวาเข้าไป ฮาแลนด์ เทกตัวลอยมาจะโขกเต็มๆ อยู่แล้ว แต่ คริส ริชาร์ดส์ ยังไปถึงบอลก่อนโขกสกัดไว้ได้ โดกู พยายามซ้ำก็ติดบล็อค

จากนั้น เป็นโอกาสของ เรือใบ อีกครั้ง ซาวินโญ่ เปิดมาถึง โดกู ได้แต่งก่อนปั่นด้วยขวาในเขตโทษด้านซ้าย แต่บอลก็ข้ามคานออกไป

นาทีที่ 58 พาเลซ ส่งบอลเข้าประตูได้ เมื่อ มูนญอซ ยิงไปแฉลบ ออร์เตก้า แปะไว้ได้ก่อนที่ มูนญอซ จะตามไปซ้ำเอง แต่จากการเช็กวีเออาร์ปรากฎว่าบอลไปแฉลบ อิสไมล่า ซาร์ ที่ล้ำหน้า ลูกนี้เลยไม่เป็นสกอร์

แมนฯ ซิตี้ มีโอกาสเอาคืนอีกหน คราวนี้ เดอ บรอยน์ จ่ายไปให้ นิโก้ โอเรลลี่ ได้พื้นที่โล่งๆ ในเขตโทษ แต่ดันไปมัวปล่อยบอลไหลเข้าเท้าซ้าย พอจะยิงเลยถูกแนวรับ พาเลซ มาช่วยกันล้มตัวบล็อคไว้ได้

นาทีที่ 82 เรือใบ มีโอกาสทอง เดอ บรอยน์ จ่ายให้ตัวสำรองดาวรุ่งอย่าง เคลาดิโอ เอเชเวร์รี่ ได้บอลโล่งๆ ในเขตโทษเยื้องไปทางขวา แต่ดันยิงอัดไปตรงตัว เฮนเดอร์สัน เซฟไว้ได้ พอจะยิงซ้ำก็ติดบล็อคอีก

นาทีที่ 90+3 เรือใบ ที่ลุยหนักมีโอกาส เมื่อ เดอ บรอยน์ ได้จับแล้วยิงด้วยขวาหน้าเขตโทษ บอลหลุดกรอบไปนิดเดียว

ซิตี้ ลุยแบบไม่สนใจอะไรเลย นาทีที่ 90+6 เอเชเวร์รี่ ได้ยิงแบบจิ้มๆ ด้วยขวา แต่ เฮนเดอร์สัน ก็ซูเปอร์เซฟได้อีกครั้ง

จบเกม คริสตัล พาเลซ เอาชนะ แมนฯ ซิตี้ 1-0 คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ซึ่งเป็นถ้วยแชมป์ระดับเมเจอร์รายการแรกในประวัติศาสตร์สโมสร

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

คริสตัล พาเลซ : ดีน เฮนเดอร์สัน - คริส ริชาร์ดส์, มักซ็องซ์ ลาครัวซ์, มาร์ค เกฮี - ดาเนียล มูนญอซ, อดัม วอร์ตัน, ไดจิ คามาดะ, ไทริค มิตเชลล์ - อิสไมล่า ซาร์, เอเบเรชี่ เอเซ่ - ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า

แมนฯ ซิตี้ : สเตฟาน ออร์เตก้า - มานูเอล อคานจี, รูเบน ดิอาส, ยอชโก้ กวาร์ดิโอล, นิโก้ โอเรลลี่ - แบร์นาร์โด้ ซิลวา, เควิน เดอ บรอยน์ - ซาวินโญ่, โอมาร์ มาร์มูช, เฌเรมี่ โดกู - เออร์ลิง ฮาแลนด์


TH SPORTเว็บไซต์ข่าวกีฬา อัพเดทข่าวฟุตบอลต่างประเทศทุกวันทุกเวลา

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด