ชาลาโนลูร่ายยาวหลังโดนเลาตาโร่ด่า

ฮาคาน ชาลาโนลู กองกลาง อินเตอร์ มิลาน บรรยายความรู้สึกออกมาแบบไม่กั๊ก หลังตกเป็นเป้าโจมตีของ เลาตาโร่ มาร์ตีเนซ ดาวยิงเพื่อนร่วมทีม
หลังจบเกมที่ อินเตอร์ มิลาน พ่ายต่อ ฟลูมิเนนเซ่ 0-2 จนตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายสโมสรโลก เลาตาโร่ ให้สัมภาษณ์เหน็บแนมนักเตะในทีมว่าให้ย้ายออกไปได้เลยหากไม่มีใจอยากอยู่ซึ่งทุกคนต่างคิดเห็นตรงกันว่ากำลังพูดถึง ฮาคาน ชาลาโนลู ที่มีย้ายอยากย้ายไป กาลาตาซาราย
ล่าสุด ชาลาโนลู ออกมาเคลื่อนไหวผ่านทางโซเชียลเพื่อยืนยันถึงความทุ่มเทให้สโมสร และไม่เคยชี้นิ้วหาใครเหมือนที่ตัวเองถูกกระทำ
"หลังจากผมได้รับบาดเจ็บในนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเรายังคงตัดสินใจว่าผมควรเดินทางไปกับทีมที่สหรัฐฯ ด้วย การได้อยู่ที่นั่น ได้ให้กำลังใจเพื่อนร่วมทีม แม้ว่าผมจะลงเล่นไม่ได้ มันมีความหมายกับผมมาก" แข้งทีมชาติตุรกีกล่าว
"แต่โชคร้าย ระหว่างฝึกซ้อมที่อเมริกา ผมได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง คราวนี้เป็นบริเวณที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ผลการวินิจฉัย: กล้ามเนื้อฉีก"
"อาการบาดเจ็บนี้ทำให้ผมไม่สามารถลงสนามในรายการนี้ได้ ไม่มีเหตุผลอื่น ไม่มีเบื้องหลังอะไรเพิ่มเติม"
"เมื่อวานนี้เราพ่ายแพ้และมันเจ็บปวดมาก ผมรู้สึกเศร้า ไม่ใช่แค่ในฐานะนักเตะ แต่ในฐานะคนที่รักทีมนี้จริงๆ"
"แม้ว่าผมจะเจ็บอยู่ ผมก็ยังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเพื่อนร่วมทีมบางคนหลังจบเกม เพื่อปลอบใจพวกเขาเพราะนั่นคือสิ่งที่คุณทำ...เมื่อคุณรักทีมของคุณจริงๆ"
"สิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจยิ่งกว่าคือคำพูดที่ตามมา มันเป็นคำพูดที่เจ็บปวด คำพูดที่สร้างความแตกแยก ไม่ใช่ความสามัคคี"
"ตลอดอาชีพค้าแข้งของผม ผมไม่เคยหาข้ออ้าง ผมรับผิดชอบเสมอ ผมเคยลงเล่นทั้งที่เจ็บ ผมเคยนำทีม โดยไม่ต้องพูดมาก แต่แสดงออกผ่านการกระทำ"
"ผมเคารพทุกความคิดเห็น ไม่ว่าจะมาจากเพื่อนร่วมทีม หรือแม้แต่จากท่านประธานสโมสร แต่...ความเคารพไม่ใช่เรื่องที่มาจากฝ่ายเดียว"
"ผมแสดงความเคารพทั้งในและนอกสนามเสมอ และผมเชื่อว่า ทั้งในฟุตบอลและในชีวิต ความแข็งแกร่งที่แท้จริงคือการรู้จักเคารพกัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่อารมณ์พุ่งสูง"
"ผมไม่เคยทรยศสโมสรแห่งนี้ ไม่เคยพูดว่าไม่มีความสุขกับอินเตอร์ ที่ผ่านมามีข้อเสนอเข้ามาเยอะ บางข้อเสนอก็น่าดึงดูดใจ แต่ผมเลือกที่จะอยู่ต่อ เพราะผมรู้ดีว่าชุดแข่งนี้มีความหมายกับผมแค่ไหน และผมเชื่อว่าการกระทำของผม...มันพูดแทนคำพูดทั้งหมดแล้ว"
"ผมเคยมีเกียรติได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติ และผมได้เรียนรู้ว่า การเป็นผู้นำ คือการยืนเคียงข้างทีมของคุณไม่ใช่การชี้นิ้วหาใครในเวลาที่ง่ายที่สุดจะทำเช่นนั้น"
"ผมรักเกมฟุตบอลนี้ ผมรักสโมสรแห่งนี้ และผมรักเส้นทางที่ผมต่อสู้เพื่อมันในทุกๆ วัน ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไร...เราค่อยดูกัน แต่สิ่งที่ประวัติศาสตร์จดจำ คือคนที่ยืนหยัด ไม่ใช่คนที่ตะโกนเสียงดังที่สุด"
TH SPORTเว็บไซต์ข่าวกีฬา อัพเดทข่าวฟุตบอลต่างประเทศทุกวันทุกเวลา