ดิยาร์ร่าฟ้องฟีฟ่า-เอฟเอเบลเยี่ยม56ล.ปอนด์

    ดิยาร์ร่ามีคดีความกับฟีฟ่า องค์กรปกครองฟุตบอลโลกมาอย่างยาวนาน โดยทีมกฎหมายของเขาได้ท้าทายกฎบางประการของฟีฟ่าหลังจากสัญญาของเขากับ โลโคโมทีฟ มอสโก ในปี 2014

    ในเดือนตุลาคม ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรป (CJEU) พบว่ากฎของฟีฟ่าที่ควบคุมการซื้อขายนักเตะบางรายนั้น ละเมิดกฎหมายของสหภาพยุโรป

    ดิยาร์ร่า ซึ่งเคยเล่นในพรีเมียร์ลีกให้กับเชลซี, อาร์เซน่อล และพอร์ทสมัธ กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า เขาหวังว่าฟีฟ่าและสมาคมฟุตบอลเบลเยี่ยม "อย่างน้อยก็มีความเหมาะสมที่จะติดต่อผมเพื่อเสนอข้อตกลงอย่างมิตรภาพ"

    เมื่อไม่เป็นเช่นนั้น นักเตะวัย 40 ปีรายนี้จึงตัดสินใจเริ่มกระบวนการพิจารณาคดีระดับชาติในเบลเยี่ยมอีกครั้ง

    ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรป (CJEU) ระบุว่า การที่ฟีฟ่าปฏิเสธที่จะมอบใบรับรองการย้ายทีมระหว่างประเทศ (ITC) ให้กับดิยาร์ร่าสำหรับข้อเสนอการย้ายทีมไปยังสโมสรชาร์เลอรัวในเบลเยี่ยมเมื่อปี 2015 แสดงให้เห็นว่ากฎของฟีฟ่า "ขัดขวางการเคลื่อนย้ายอย่างเสรีของนักฟุตบอลอาชีพที่ต้องการพัฒนาอาชีพด้วยการไปทำงานกับสโมสรใหม่"

    ฟีฟ่าได้สั่งให้ดิยาร์ร่าจ่ายเงิน 8.4 ล้านปอนด์ให้กับโลโคโมทีฟมอสโก หลังจากที่เขาถูกพบว่าละเมิดสัญญากับสโมสรรัสเซีย

    ดิยาร์ร่าได้รับการสนับสนุนจากสหภาพนักฟุตบอลอาชีพ FifPro, FifPro Europe และ UNFP ในฝรั่งเศส

    "ผมถูกบังคับให้ต่อสู้คดีความนี้มาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2014 นานกว่า 11 ปีแล้ว" ดิยาร์ร่ากล่าวในข่าวประชาสัมพันธ์ร่วม

    "ผมทำเพื่อตัวเอง แต่ผมก็ทำเพื่อนักเตะดาวรุ่งที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักทุกคน ซึ่งไม่มีเงินทุนและเงินทุนทางจิตใจที่จะท้าทายฟีฟ่าต่อหน้าผู้พิพากษาตัวจริง"

    ฟีฟ่าได้แก้ไขข้อบังคับการซื้อขายนักเตะหลังคำตัดสินของศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรป (CJEU) โดยนำกรอบการทำงานชั่วคราวเกี่ยวกับการคำนวณค่าชดเชยที่ต้องจ่ายและภาระการพิสูจน์หากมีการละเมิดสัญญามาใช้

    อย่างไรก็ตาม ดิยาร์ร่ากล่าวว่าการแก้ไขเหล่านี้ "ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดที่เข้มงวดตามคำตัดสินของศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรป"

    โฆษกฟีฟ่ากล่าวว่า "นับตั้งแต่ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรป (ECJ) มีคำตัดสินในคดีของดิยาร์ร่าในเดือนตุลาคม 2567 ฟีฟ่าได้ทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อแก้ไขกฎระเบียบตามแนวทางที่ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรป (ECJ) เสนอ

    "ฟีฟ่าไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นทางกฎหมายที่กำลังดำเนินอยู่"

    คำตัดสินของศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรป (CJEU) ยังกระตุ้นให้มูลนิธิ Justice for Players (JFP) ของเนเธอร์แลนด์ ยื่นฟ้องคดีแบบกลุ่มต่อฟีฟ่า ร่วมกับสมาคมฟุตบอลฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม และเดนมาร์ก เพื่อเรียกร้องค่าชดเชยจากการสูญเสียรายได้ที่ถูกกล่าวหาว่าเกิดจากกฎการซื้อขายนักเตะที่เข้มงวด

    "เรายืนหยัดเคียงข้างมิสเตอร์ดิยาร์ร่าอย่างมั่นคง" JFP กล่าวเมื่อวันจันทร์ โดยระบุว่า "การเปลี่ยนแปลงกฎการซื้อขายนักเตะชั่วคราวของฟีฟ่า ... ยังไม่สอดคล้องกับกฎหมายของสหภาพยุโรปอย่างสมบูรณ์" และเรียกร้องให้ผู้เล่นเข้าร่วมการฟ้องร้องแบบกลุ่ม

    สมาคมฟุตบอลเบลเยี่ยม ก็ถูกติดต่อเพื่อขอความคิดเห็นเช่นกัน