แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีภาระหนี้สินรวมสูงถึงเกือบ 1.1 พันล้านปอนด์ หลังได้กู้ยืมเงินเพิ่มเติมอีก 105 ล้านปอนด์ เพื่อใช้ในการเสริมทัพช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เปิดเผยงบการเงินล่าสุดของปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2025 และในวันถัดมา มีการยื่นรายงานต่อ ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ซึ่งระบุรายละเอียดทางการเงินเพิ่มเติม
ในรายงานดังกล่าว แมนฯ ยูไนเต็ด ยืนยันว่าพวกเขาใช้เงินไปแล้วกว่า 167.8 ล้านปอนด์ หลังวันที่ 30 มิถุนายน เพื่อเซ็นสัญญานักเตะรายใหม่ไม่ว่าจะเป็น ไบรอัน เอ็มเบอโม่, มาเตอุส กุนญ่า, เบนยามิน เชชโก้ และ เซนเน่อ ลัมเมนส์
จากเอกสารการเงิน ระบุว่ายอดหนี้หลักของสโมสร ณ วันที่ 30 มิถุนายน อยู่ที่ 637 ล้านปอนด์ ซึ่งมาจากเงินกู้ระยะยาวที่เป็นมรดกจากการเทกโอเวอร์โดยตระกูลเกลเซอร์ เมื่อปี 2005 และวงเงินเครดิตหมุนเวียนที่เพิ่งเพิ่มขึ้นเป็น 350 ล้านปอนด์
ในช่วงระหว่างวันที่ 7 กรกฎาคม ถึง 11 กันยายน สโมสรได้เบิกเงินจากวงเงินเครดิตอีก 4 ครั้ง รวมเป็น 105 ล้านปอนด์ ทำให้หนี้สินรวมแตะ 742 ล้านปอนด์
อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมกับหนี้จากค่าตัวนักเตะที่ยังค้างจ่ายอีก 447 ล้านปอนด์ (โดย 205 ล้านปอนด์จะต้องจ่ายหลังจาก 1 ปี) และหักลบกับเงินที่สโมสรยังมีสิทธิ์ได้รับอยู่ 102.6 ล้านปอนด์ ส่งผลให้ยอดหนี้รวมของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 1.087 พันล้านปอนด์
ถึงแม้ผู้ถือหุ้นรายย่อยอย่าง เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ จะเริ่มดำเนินมาตรการลดค่าใช้จ่ายจนทำให้ตัวเลขขาดทุนลดลงจาก 113.2 ล้านปอนด์ เหลือเพียง 33 ล้านปอนด์ แต่การที่ทีมยังไม่ประสบความสำเร็จในสนามก็ส่งผลต่อแนวโน้มรายได้เช่นกัน
ฤดูกาลที่แล้ว "ปีศาจแดง" ทำเงินได้ 43.7 ล้านปอนด์ จากการเข้าถึงรอบชิงยูโรปา ลีก แต่ในฤดูกาลนี้ที่ไม่มีฟุตบอลยุโรป รายได้รวมทั้งปีคาดว่าจะอยู่ที่ราว 640-660 ล้านปอนด์
แม้จะเสริมทีมอย่างหนัก แต่ผลงานภายใต้การคุมทีมของ รูเบน อาโมริม ยังน่าผิดหวัง โดยชนะเพียงเกมเดียวในฤดูกาลนี้ ขณะที่ แรตคลิฟฟ์ ได้เดินทางไปยังสนามซ้อมแคร์ริงตันเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เพื่อประชุมกับทีมงาน รวมถึงพูดคุยกับกุนซือที่กำลังอยู่ภายใต้ความกดดัน
แหล่งข่าวใกล้ชิดระบุว่า ฝ่ายบริหารยังคงหนุนหลัง อาโมริม โดยนัดต่อไปพวกเขาจะเปิดบ้านพบกับ เชลซี ในศึกพรีเมียร์ลีก วันเสาร์ที่ 20 กันยายนนี้
TH SPORTเว็บไซต์ข่าวกีฬา อัพเดทข่าวฟุตบอลต่างประเทศทุกวันทุกเวลา
