เดวิด เบ็คแฮม อดีตกองกลางคนดังเผยถึงสถานการณ์ของสโมสร ซัลฟอร์ด ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในแง่ของการบริหารและการเป็นเจ้าของ
สโมสรใน ลีก ทู เข้าสู่ยุคใหม่ในเดือนพฤษาคมที่ผ่านมา หลังมีกลุ่มทุนใหม่เข้ามา หลังจากบรรดาแข้ง "คลาส ออฟ 92" แห่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้ง เบ็คแฮม, แกรี่ เนวิลล์, ไรอัน กิ๊กส์, นิคกี้ บัตต์ และ พอล สโคลส์ รวมถึงผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ปีเตอร์ ลิม ที่สุดท้ายต้องหลีกทางไป
แกรี่ มุ่งมั่นกับสโมสรอย่างมากนับตั้งแต่เข้าลงทุนกับสโมสรเมื่อปี 2014 ซึ่งได้ขอความช่วยเหลือจาก เบ็คแฮม เมื่อรู้สึกว่าสโมสรกำลังตกต่ำ และได้มีการดึงนักธุรกิจอย่าง เดแคลน เคลลี่ย์ กับ ลอร์ด เมอร์วีน เดวี่ส์ เข้ามาร่วมก่อตั้งกลุ่มทุนใหม่ รวมถึงพันธมิตรอีกมากมาย
เบ็คแฮม เผยถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ ดิ แอธเลติก ว่า "ผมแทบไม่เคยตื่นตระหนกเลย แต่เมื่อ แกรี่ เข้ามาหาผมและบอกว่า 'โอเค สถานการณ์เป็นแบบนี้ เราต้องหาวิธีช่วยสโมสร' ผมก็เริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมา"
"ผมใช้เวลาที่นั่นนานมาก ผมรู้ว่ามันมีความหมายกับเขามากแค่ไหน ผมรู้ว่าคนในสโมสรมีความหมายกับเขามากแค่ไหน ผมรู้ว่าแฟนบอลมีความหมายกับเขามากแค่ไหน"
"การที่เขาพูดว่า 'เราต้องจัดการเรื่องนี้'... เขาแทบไม่เคยสร้างปัญหาอะไรให้ผมเลย ผมจึงรู้ว่านี่เป็นสิ่งที่เราต้องแก้ไข"
ซัลฟอร์ด ใช้เวลาสองปีในการระดมทุนประมาณ 10 ล้านปอนด์ เพื่อนำสโมสรกลับมาสู่สถานะที่แข็งแกร่ง เนื่องจากภาระตามสัญญากับพนักงานและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงโดย เบ็คแฮม เผยว่าพวกเขาระดมทุนได้ภายในเวลาไม่ถึง 5 เดือน ได้เงินทุนราว 22.3-30 ล้านปอนด์ ต้องขอบคุณกลุ่มคนใหม่ที่ต้องการลงทุนมากกว่าที่คาดไว้
"เมื่อเราบรรลุเป้าหมายนั้น แกรี่ ซาบซึ้งใจอย่างมาก นั่นคือสิ่งที่มีความหมายกับเขา มันคือแพสชั่นที่คุณต้องการ ถ้าเราไม่ทำสโมสรคงเจอปัญหาใหญ่แน่นอน"
TH SPORTเว็บไซต์ข่าวกีฬา อัพเดทข่าวฟุตบอลต่างประเทศทุกวันทุกเวลา
