ฟรานเชสโก้ อแชร์บี้ กองหลัง อินเตอร์ มิลาน เผยว่าถึงเรื่องบาดหมางกับ ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ อดีตเทรนเนอร์ทีมชาติอิตาลี และรู้สึกเหมือนตนเองถูกหลอกใช้
เซนเตอร์ตัวเก๋าไม่มีชื่อติดทัพ "อัซซูรี่" ลุยยูโร 2024 ที่ทีมตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย และล่าสุดใน ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ก็แพ้ เยอรมัน ตกรอบก่อนรองชนะเลิศ ทำให้ สปัลเล็ตติ ตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างหนัก ทำให้เขาหันกลับมาทาบทาม อแชร์บี้ กลับมาติดทีมชาติอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามกองหลังวัย 37 ปี ตอบปฏิเสธด้วยรอยร้าวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปีก่อนหน้านี้ รวมถึงคำพูดของ สปัลเล็ตติ มันแย่เกินเยียวยา
"ผมไม่ได้ไป ยูโร ดังนั้นผมจึงเข้ารับการผ่าตัด แม้ว่าผมพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ฟิตสมบูรณ์สำหรับทัวร์นาเมนต์ก็ตาม" อแชร์บี้ กล่าวกับ สกาย สปอร์ต อิตาเลีย
"ยังไงก็ตามแต่ผมไม่ได้รับโทรศัพท์ที่บอกว่าผมไม่อยู่ในทีม ผมไม่ได้คาดหวังอะไรจากฟุตบอลเลย ดังนั้นมันก็เลยจบลงตรงนั้น เขาเป็นโค้ช เขาได้รับค่าจ้างให้ตัดสินใจว่าจะเลือกนักเตะคนไหน นั่นไม่ใช่ปัญหา"
"สิ่งที่กลายเป็นประเด็นคือเขาพูดบางอย่างต่อสาธารณะ ซึ่งบอกตรงๆ ว่ามันไม่ดีเลยก็ไม่จำเป็นด้วย"
"สปัลเล็ตติ โทรมา 2 ครั้ง - เช้าวันนั้นเขาโทรมาขอโทษเกือบจะทันทีแต่หลังจากนั้นเขาก็พูดถึงเรื่องบาดเจ็บ ผมจึงถูกเรียกตัวในเกมกับ นอร์เวย์ และก็แค่นั้นเอง เขาไม่ได้บอกว่าจะใช้ผมในเกมบอลโลกนัดอื่นหรือเปล่า ไม่มีอะไรทั้งนั้น"
"เมื่อเอาเรื่องนี้มารวมกันกับสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ ผมรู้สึกเหมือนโดนหลอกใช้ ผมอายุ 37 ปีแล้ว ผมค้าแข้งมานาน ถ้าผมเป็นที่ต้องการแค่นัดเดียวแล้วถูกเมินอีก ผมนอนอยู่บ้านดีกว่า"
"ผมไม่ใช่ เลโอ เมสซี่, ไม่ใช่ เปเล่, ผมก็แค่นักฟุตบอลธรรมดา แต่หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับการเรียกตัวและพูดแบบนั้น..."
ส่วนเรื่องการกลับไปทีมชาติอีกครั้งในยุคของ เจนนาโร่ กัตตูโซ่ ทาง อแชร์บี้ กล่าวว่า "ผมมีชีวิตเพื่อครอบครัวและฟุตบอล ผมพูดเสมอว่าผมพร้อมเล่นให้ อิตาลี แต่ไม่ใช่ในสถานการณ์แบบนั้น ผมไม่ได้พยายามกล่าวคำลาทีมชาติตลอดกาล"
"จนถึงตอนนี้ กัตตูโซ่ ยังปฏิเสธ เขาเป็นโค้ช เขาคือคนตัดสินใจ ถ้าเขาเรียกตัวผมก็พร้อม ถ้าไม่ผมก็จะไปเดินตามเส้นทางของผม"
TH SPORTเว็บไซต์ข่าวกีฬา อัพเดทข่าวฟุตบอลต่างประเทศทุกวันทุกเวลา
