"ชาโด้" พร้อมเปิดซิงคิกบ็อกซิ่งดวล "หลิว เมิงหยาง"

สำหรับ ชาโด้ นักสู้จาก ONE ลุมพินี ที่คว้าสัญญา ONE มาครองเป็นรายที่ 24 ของรายการเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่าน กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นเต็มที่ ล่าสุดปล่อยท่ายาก “ขว้างจักรนารายณ์” ชนะทีเคโอ บัมปารา คูยาเต แรงกิงอันดับ 2 ของรุ่นเดียวกัน ในยกที่ 2 ของศึก ONE Fight Night 35 เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ที่ผ่านมา ประเดิมเก็บชัยบนเวที ONE (ใหญ่)

“ชัยชนะไฟต์ที่ผ่านมาเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก ได้แจ้งเกิดเต็มตัวด้วยการเอาชนะน็อก คว้าชัยชนะครั้งแรกใน วัน แชมเปียนชิพ ผมรู้สึกภูมิใจมาก จากเด็กที่เคยขุดมันอยู่บ้านนอก ชกมวยตามภูธร วันนี้ผมพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าสามารถยืนอยู่บนเวทีระดับโลกได้”

“จากวันแรกที่ได้ชกศึก ONE ลุมพินี ชีวิตผมมาไกลมาก เริ่มมีเงินเก็บ และคนรู้จักเยอะขึ้น ผมคิดว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ตั้งแต่ขึ้นชกไฟต์แรกก็รู้ได้เลยว่าไม่มีทางเสียใจแน่ ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ จนวันนี้ผมได้ขึ้นมาอยู่ในแถวหน้าของวงการแล้วครับ”

ด้วยผลงานร้อนแรงเกินห้ามใจ ชาโด้ ที่ครองสถิติ 6-1 ในรายการของ ONE และกำลังเนื้อหอมสุดขีด ได้รับส้มหล่นขึ้นชกคิกบ็อกซิ่งครั้งแรกในชีวิต โดยเตรียมทำหน้าที่แทน ตะวันฉาย พีเค.แสนชัย แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต ที่ถอนชกเนื่องจากบาดเจ็บระหว่างฝึกซ้อม แม้ ชาโด้ จะมีเวลาเตรียมตัวไม่นาน และต้องสู้ในกติกาที่ไม่คุ้นชิน แต่เจ้าตัวรับประกันสู้เต็มที่เหมือนเดิมแน่นอน

“ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะได้โอกาสขึ้นชกต่อเนื่องเร็วขนาดนี้ หลังพักได้เพียง 2 วันก็ทราบว่าต้องขึ้นแทน ตะวันฉาย ผมรีบขึ้นรถทัวร์จากบ้านกลับมาที่ค่ายเพื่อซ้อมทันที และรู้สึกตื่นเต้นมากกับการได้ลองคิกบ็อกซิ่งเป็นครั้งแรกในชีวิต”

“ต้องยอมรับว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดอยากชกคิกบ็อกซิ่งมาก่อน แต่ในเมื่อโอกาสเข้ามา ผมก็พร้อมที่จะลอง ถือเป็นความท้าทายใหม่ และยังได้ลุ้นโบนัสต่อเนื่องด้วย ช่วงนี้เหมือนน้ำขึ้น ผมก็อยากรีบตัก เพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงให้กับตัวเอง ในเมื่อร่างกายไม่ได้มีอาการบาดเจ็บอะไรมาก ผมก็พร้อมสู้ครับ”

“สำหรับการซ้อมครั้งนี้ ผมเน้นปรับตัวโดยไม่ใช้ศอก และตั้งใจแค่ไม่เผลอสับศอกใส่คู่ชกบนเวทีให้ได้ ตอนนี้ร่างกายพร้อมเต็มร้อย เหลือเพียงการคุมน้ำหนักให้เสร็จสมบูรณ์เท่านั้นครับ”

ตอนนี้ ชาโด้ มีความมุ่งมั่นเต็มร้อย พร้อมโชว์ผลงานเปิดตัวในเส้นทางสายคิกบ็อกซิ่ง ด้วยการเตรียมลูกหนักมาเสิร์ฟแบบไม่ยั้ง แต่งานนี้ไม่ง่าย เมื่อ หลิว เมิงหยาง เตรียมทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดความร้อนแรงของกำปั้นขวัญใจเจ้าถิ่น

ด้าน หลิว เมิงหยาง สร้างชื่อขึ้นมา จากการเอาชนะคะแนนเอกฉันท์ “มาซาอากิ โนอิริ” ที่ยังไม่ได้เป็นแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต เฉพาะกาล ในเวลานั้น ก่อนที่ล่าสุดในศึก ONE ลุมพินี 105 เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา เจ้าตัวตกเป็นฝ่ายแพ้ให้กับ โมฮัมหมัด เซียซารานี จากอิหร่าน แบบน่าเสียดายด้วยคะแนนไม่เอกฉันท์ โอกาสนี้เขาจึงหวังกู้ฟอร์มเก่ง เพื่อเปิดทางไต่ขึ้นสู้ระดับโลกให้ได้

ชาโด้ ยอมรับว่าสกิลคิกบ็อกซิ่งอาจดูเป็นรอง หลิว เมิงหยาง แต่เมื่อขึ้นไปยืนเผชิญหน้ากันบนสังเวียนแล้วอะไรก็เกินขึ้นได้ ซึ่งหากผลการต่อสู้ไฟต์นี้ออกมาเป็นใจ อนาคตตนอาจพร้อมมุ่งเป้าล่าความสำเร็จลุ้นขึ้นแท่นเป็นราชัน 2 กติกา (มวยไทยและคิกบ็อกซิ่ง)

“หลิว เมิงหยาง เป็นคนที่ออกอาวุธหมัดได้ดีมากและเข้าออกได้รวดเร็ว การเจอกันในกติกาคิกบ็อกซิ่งถือว่าเป็นงานยากสำหรับผมจริง ๆ ตอนนี้ผมยังไม่เห็นจุดอ่อนของเขาชัดเจน แต่เชื่อว่าเมื่อถึงเวลาขึ้นเวที ผมน่าจะมองเห็นโอกาสในการเข้าทำ และหาทางคว้าชัยชนะมาได้ครับ”

“สิ่งที่ผมมั่นใจคือความหนักของอาวุธ ถ้าได้สาดแข้งแรง ๆ เข้าไป เชื่อว่าจะทำให้เขาเริ่มอ่อนแรงลงได้เหมือนกัน ไฟต์ที่ผ่านมา ผมชนะด้วยท่า ขว้างจักรนารายณ์ จนได้โบนัสมาแล้ว และครั้งนี้ในกติกาคิกบ็อกซิ่ง ก็อาจได้เห็นลูกเล่นใหม่ ๆ จากผมอีก รอติดตามกันบนเวทีครับ”

“หากไฟต์นี้ผมคว้าชัยชนะมาได้ มันจะเป็นแรงผลักดันให้ผมอยากพัฒนาตัวเองต่อไป ไม่แน่ว่าอนาคต ผมอาจเดินหน้าลุยทั้งสองกติกาเลยก็ได้ เพราะสำหรับผม ไม่ว่ากติกาไหน ผมพร้อมสู้เต็มที่เสมอ สิ่งเดียวที่อยู่ในใจคือการทำเพื่อครอบครัว และผมจะสู้สุดกำลังในทุกไฟต์เหมือนเดิมครับ”