"อัสลามจอน ออร์ติคอฟ" จอมบู๊ไร้พ่ายจากอุซเบกิสถาน ตั้งเป้าปิดเกมไว "ก้องธรณี ส.สมหมาย" เพื่อแย่งตำแหน่งผู้ท้าชิงอันดับ 4 ของแรงกิง ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต (125-135 ป.) มาครอง ในการสู้กันภายใต้กติกามวยไทย รุ่นฟลายเวต ในศึก ONE Fight Night 36 วันเสาร์ที่ 4 ต.ค. 68
ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา “อัสลามจอน” ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความเก่งกาจและพัฒนาการอันยอดเยี่ยมด้วยการเก็บชัยชนะเหนือนักชกไทยฝีมือดี 8 ไฟต์รวด อีกทั้งยังเป็นการเผด็จศึกมากถึง 4 ครั้ง จนได้รับสัญญา ONE มาครองอย่างยิ่งใหญ่หลังเอาชนะน็อก “เพชรสุขุมวิท บอยบางนา” ในศึก ONE ลุมพินี 114 เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา
การบรรลุความฝันคว้าสัญญา ONE มาครอง ทำให้ “อัสลามจอน” รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างมากที่สามารถตอบแทนการสนับสนุนจากครอบครัวที่ส่งเขามาฝึกซ้อมในประเทศไทย ด้วยการก้าวขึ้นมาเป็นนักกีฬาภายใต้องค์กรศิลปะการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกได้สำเร็จ
“สัญญา ONE คือความฝันที่ผมเฝ้ารอมานานมาก ผมฝึกซ้อมอย่างหนักและชกชนะถึง 8 ไฟต์ถึงจะได้สัญญา ONE มาครอง ผมภูมิใจในตัวเองมากจริง ๆ และตอนนี้ผมก็มีความสุขมากที่จะใช้มันเป็นใบเบิกทางไปสู่การคว้าเข็มขัดแชมป์โลก ONE ต่อไป”
“ครอบครัวของผมก็ดีใจมากเช่นกัน ผมบอกพวกเขามานานแล้วว่าผมต้องคว้าสัญญา ONE ให้ได้ เพราะถ้าผมได้สัญญาเมื่อไหร่ ชีวิตจะเปลี่ยนทันที ซึ่งในที่สุดผมก็ได้มันมาแล้ว และพวกเขาก็บอกกับผมว่า ‘ในที่สุดนายก็ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วนะ อย่าหยุดแค่นี้ จงไปให้ถึงฝันที่ตั้งไว้เลยนั่นคือการเป็นแชมป์โลก ONE’
“ช่วงที่ผ่านมา ผมยังไม่ได้กลับบ้านเพราะตั้งใจจะชกอีกหนึ่งไฟต์และคว้าโบนัสให้ได้ จากนั้นค่อยกลับไปหาครอบครัว ผมได้คุยกับทางบ้านและวางแผนไว้แล้วครับ”
กลับมาครั้งนี้ “อัสลามจอน” จะเลื่อนชั้นขึ้นมาชกบนเวที ONE (ใหญ่) ครั้งแรกโดยจะเปิดตัวพบกับด่านแกร่งดีกรีผู้ท้าชิงอันดับ 4 ของแรงกิง ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต อย่าง “ก้องธรณี” ซึ่งเป็นคู่ชกที่เขาเรียกหากลางเวทีหลังคว้าสัญญามาครองในไฟต์ล่าสุด โดย “อัสลามจอน” ได้เปิดใจเผยถึงสาเหตุที่เขาตัดสินใจส่งสารท้ารบไปหา “ก้องธรณี” ที่เข้ามานั่งชมการแข่งขันถึงสนามในวันนั้น
“ผมเจาะจงเรียกหา ก้องธรณี เพราะถ้าชนะเขาได้ ก็อาจทำให้มีชื่อติดแรงกิงและเข้าใกล้โอกาสชิงแชมป์มากขึ้น แต่อีกเหตุผลหนึ่งเป็นเพราะเขาคือยอดนักชกที่ผมอยากเจอมานานแล้ว และถ้าผมอยากชกกับใคร คนนั้นต้องเป็นคนที่เก่งที่สุดเท่านั้นครับ”
“ผมอยากพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าผมคือนักชกที่เก่งที่สุดด้วยการเอาชนะคู่ชกที่เก่งที่สุด ซึ่งผมรู้สึกดีใจมากที่ทางรายการให้โอกาสผมได้เจอกับเขาจริง ๆ ตอนนี้หน้าที่ของผมเหลือแค่คือขึ้นไปสู้บนเวที เก็บชัยชนะ และคว้าโบนัสมาครองให้ได้ครับ”
สำหรับจุดเด่นของ “ก้องธรณี” ในเรื่องของจังหวะฝีมืออันเฉียบขาดที่มักจะหาจังหวะดักออกอาวุธสวนกลับไปสวย ๆ ได้ตลอดนั้น ในเรื่องนี้ “อัสลามจอน” ยืนยันชัดเจนไม่มีความกังวลใจแม้แต่น้อยหลังมองว่าตนเองไม่เหมือนกับคู่ชกคนไหน ๆ ที่ “ก้องธรณี” เคยเจอมาก่อน
“ก้องธรณี เป็นนักชกที่เก่งและแข็งแกร่งมาก เขามีจุดเด่นเรื่องการหาจังหวะดักออกอาวุธได้ดี ผมบอกไม่ได้ว่าเขามีจุดอ่อนอะไรบ้าง แต่ไฟต์นี้เขาคงจะไม่ได้ทำในสิ่งที่เขาต้องการ เพราะสไตล์การชกของผมแตกต่างจากคนอื่น ๆ ที่เขาเคยเจอมา
“ผมมีทั้งพลัง, ความเร็ว รวมถึงยังมีจังหวะการออกอาวุธที่เฉียบคม ซึ่งเขาหลบหมัดผมไม่ทันแน่ แล้วเราจะได้เห็นกันว่าจุดแข็งของเขายังใช้ได้ผลกับผมหรือเปล่า”
ไฟต์นี้ “อัสลามจอน” ยืนกรานพร้อมเปิดฉากบู๊แหลกตามสไตล์ถนัด โดยหวังสานต่อสถิติไร้พ่ายตลอดอาชีพเป็นไฟต์ที่ 23 ด้วยการปิดเกมไว “ก้องธรณี” ให้ได้เพื่อยึดแรงกิงอันดับ 4 มาครอง ซึ่งจะช่วยให้เขาขยับเข้าใกล้ความฝันสู่การขึ้นชิงเข็มขัดแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต มากยิ่งขึ้น
“ไฟต์นี้ผมน่าจะเป็นฝ่ายเดินบุกใส่ตั้งแต่ยกแรกถึงยกสุดท้าย แต่ถ้าก้องธรณีเป็นฝ่ายเดินเข้ามาก่อน ผมก็เตรียมแผนรับมือเอาไว้แล้ว และจะยิ่งเข้าทางผมด้วยซ้ำ ผมตั้งใจเตรียมอาวุธทุกอย่างมาโชว์ รับรองว่ามีเซอร์ไพรส์แน่ ๆ เพราะผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อจบเกมให้ได้โดยเร็วที่สุด”
“ไฟต์นี้สำคัญมาก เพราะหากชนะ ก้องธรณี ผมอาจจะมีชื่อเข้าไปอยู่ในแรงกิงและเข้าใกล้การชิงเข็มขัดไปอีกก้าว ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งที่เขาบอกว่าไฟต์นี้จะจบไม่ครบยก วันเสาร์นี้มันจะเป็นไฟต์ที่ยอดเยี่ยมแน่นอน”
