"ซุปเปอร์บอน ซุปเปอร์บอนเทรนนิงแคมป์" แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.) และ "น้องโอ๋ ฮาม่ามวยไทย" อดีตแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต (135-145 ป.) 2 ตัวแทนแห่งค่ายมวยดัง "ซุปเปอร์บอน เทรนนิงแคมป์" เปิดบ้านต้อนรับพี่น้องสื่อมวลชน และโชว์ความพร้อมล่าสุดผ่านกิจกรรมเช็กฟิต (Open Workout) ก่อนจับมือกันตามล่าชัยชนะในศึกใหญ่ ONE 173: ซุปเปอร์บอน vs มาซาอากิ ที่จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 16 พ.ย. 68 ณ สนามอาริอาเกะ อารีนา กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เริ่มคู่แรกเวลา 11.00 น.
เริ่มที่ “ซุปเปอร์บอน” มีคิวป้องกันแชมป์นอกบ้านครั้งที่ 3 ใน ONE พบกับ “มาซาอากิ โนอิริ” แชมป์โลกเฉพาะกาลขวัญใจเจ้าถิ่น เพื่อหาผู้ชนะขึ้นครองบัลลังก์เพียงหนึ่งเดียว โดยนักสู้ขวัญใจชาวไทยเผยด้วยความมั่นใจว่า ตอนนี้สภาพร่างกายพร้อมขึ้นชก และได้ศึกษาผลงานของ “มาซาอากิ” มาเป็นอย่างดี
“ตอนนี้ร่างกายผมพร้อมอยู่ในช่วงเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ส่วนเรื่องปรับตัวชกที่ญี่ปุ่นไม่มีปัญหา เพราะก่อนมา ONE ผมชกต่างประเทศบ่อยอยู่แล้ว ทำให้ปรับตัวได้ดีทั้งเรื่องสภาพอากาศและอาหารการกิน”
“ผมมองว่าที่ ตะวันฉาย แพ้ให้กับ มาซาอากิ เกิดจากความผิดพลาดบางอย่างของตัวเอง ไม่ได้เกิดจากการที่เขาเก่งขึ้น เขาชกมา 3-4 ไฟต์ก็ฟอร์มเดิมตลอด ไฟต์นี้ผมแค่ต้องเตรียมตัวไปให้พร้อม ไม่สร้างความผิดพลาด หรือประมาทเขาเท่านั้น ส่วนที่เขาบอกว่าจะชนะผมเป็นรายต่อไป ผมคิดว่าเขาคงแค่ฝันไปครับ”
นอกจากนี้ “ซุปเปอร์บอน” ยังได้เผยถึงกลยุทธ์ที่เตรียมมาสู้กับผู้ท้าชิงจอมแสบ เพื่อหวังเก็บชัยชนะรั้งเข็มขัดสุดหวงเอาไว้ให้ได้สถานเดียว
“จุดเด่นของ มาซาอากิ คือความอดทน เขาชนะ ตะวันฉาย มาได้ก็ด้วยสิ่งนี้ ซึ่งในวันนั้น 2 ยกแรกเขาค่อนข้างรับอาวุธเยอะมาก แล้วรอแค่จังหวะเดียวที่จะปิดเกมได้ ดังนั้นผมต้องออกอาวุธเรื่อย ๆ ตลอดทั้ง 5 ยก ไม่ปล่อยให้เขาได้ตอบโต้ และถ้ามีจังหวะปิดเกมก็จะทำให้ได้”
“ถ้าเป็นไปได้ผมอยากชนะน็อก ยิ่งช่วงหลังผมฟอร์มไม่ค่อยดี จึงอยากปิดเกมสวย ๆ คิดว่ายังไงต้องเอาชนะแบบไม่ครบยกให้ได้ เพราะไฟต์นี้แทบจะสำคัญมากที่สุดแล้ว ถ้าเกิดผมเสียแชมป์ไป คงยากที่จะกลับไปอยู่ในจุดสูงสุดได้อีกครั้งครับ”
ขณะที่ “น้องโอ๋” ยืนยันร่างกายพร้อมขึ้นสังเวียนและไม่หวั่นที่ถูกมองว่าเป็นรอง โดยเตรียมขนอาวุธมาแลกเดือดกับ “รถถัง จิตรเมืองนนท์” อย่างเต็มที่ในศึกชิงเข็มขัดแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต ที่ว่างอยู่
“ไฟต์นี้ผมเก็บตัวฟิตซ้อมนาน 2 เดือน ร่างกายฟิตเต็มร้อย เหลือแค่รอวันชกเท่านั้น ตอนนี้น้ำหนักเกินอยู่ราว 5 กก. ซึ่งถือว่าไม่เยอะ เพราะไฟต์นี้ชกเวตนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ทำให้ร่างกายเริ่มอยู่ตัว ไม่มีอะไรน่ากังวล”
“ผมนำเอาเสียงวิจารณ์ที่บอกว่าไม่สดเหมือนตอนเด็ก ๆ มาใช้เป็นแรงผลักดัน ปรับตัวซ้อมให้หนัก แก้ทางคู่ชกให้ดีขึ้น ตอนทำร่างกายแรก ๆ เหนื่อยมากจนเกือบซ้อมไม่ไหว แต่เมื่อปรับตัวได้ก็ดีขึ้น ร่างกายดีขึ้นกว่าเดิมมากครับ”
แม้จะมีความสนิมสนมกับ “รถถัง” ที่รู้จักกันมานานนับ 10 ปี แต่ “น้องโอ๋” ยืนยันชัดเจน พร้อมจัดหนักจัดเต็มใส่น้องรักจอมอึดเพื่อคว้าเข็มขัดแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต ที่ยังไร้ผู้ครองมาพาดบ่าในช่วงบั้นปลายอาชีพให้ได้
“ผมรู้จัก รถถัง มานานหลายปี ศึกษาการชกมาตลอด เขาเป็นมวยที่เก่งทุกด้าน จุดอ่อนของเขาแทบไม่มี ผมต้องเตรียมแผนไปสู้บนเวทีให้ดี คอยดูว่าเขาจะมาสู้ในรูปแบบไหน ถ้าเขาบุกผมพร้อมสวนกลับอยู่แล้ว”
“ความเป็นพี่เป็นน้องเรายังเหมือนเดิม แต่ขอพักเรื่องนี้ไว้ทีหลัง เมื่อขึ้นไปบนเวทีต้องสู้กันเต็มที่ หลังจากรู้ผลแพ้ชนะ ค่อยกลับมาเป็นพี่น้องกัน ผมจะทำหน้าที่ให้เต็มที่เพื่อคว้าเข็มขัดแชมป์มาครองให้ได้ครับ”
