เรือ...พลาดแล้ว!

นักเตะชาวเบลเยียมกำลังสนุกกับการเริ่มต้นฤดูกาลที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งนับตั้งแต่ย้ายมา นาโปลี แบบไร้ค่าตัวเมื่อช่วงซัมเมอร์ ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่าเขาออกจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เร็วเกินไปหน่อยสักปีหรือไม่?
การอำลาของนักเตะทีมชุดใหญ่ของ ซิตี้ ในปีที่ผ่านมาเป็นเรื่องเด่นชัด ไม่ว่าจะเป็น เอแดร์ซอน, แจ็ค กรีลิช, อิลคาย กุนโดกัน และ ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่ออกไปหาโอกาสใหม่
เดอ บรอยน์ ถูกมองว่าเป็นส่วนเกินของความต้องการ แม้จะคว้าแชมป์มาแล้ว 16 รายการ และลงเล่นมากกว่า 400 นัด และกองกลางรายนี้ซึ่งทีแรกลังเลที่จะย้ายทีม ได้เข้าร่วมสโมสร นาโปลี เมื่อสัญญาหมดลงในเดือนมิถุนายน
"ผมค่อนข้างประหลาดใจ แต่ผมก็ต้องยอมรับมัน" เดอ บรอยน์ กล่าวเมื่อเดือนเมษายน
"บอกตามตรง ผมยังคิดว่าผมสามารถทำผลงานได้ในระดับนี้อย่างที่ผมกำลังแสดงอยู่ แต่ผมเข้าใจว่าสโมสรต้องตัดสินใจ"
มันปรากฎว่าดาวเตะวัย 34 ปี ประเมินตัวเองถูกต้อง
เดอ บรอยน์ เริ่มต้นได้อย่างดีที่สุด
เดอ บรอยน์ ออกสตาร์ทฤดูกาล 2025-26 ด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยม โดดเด่นด้วยสองประตูจากลูกจุดโทษในเกมที่ เบลเยียม ชนะ เวลส์ 4-2 เมื่อคืนวันจันทร์
มันเป็นสถิติการทำประตูสูงสุดของเขาในการเริ่มต้นฤดูกาล และก่อนหน้านี้เขามีส่วนร่วมกับประตูมากกว่านี้เพียงสองครั้งเท่านั้นจาก 12 เกมแรก ในซีซั่น 2023-24 และ 2019-20
การสูญเสียของ ซิตี้ คือชัยชนะของ นาโปลี
ดูเหมือนว่านักเตะเบลเยียมจะปรับตัวให้เข้ากับเซเรีย อา ได้อย่างราบรื่น และถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถทำแอสซิสต์ในลีกได้ แต่เขาก็สร้างโอกาสได้มากเป็นอันดับสองเทียบเท่าในบรรดามิดฟิลด์ทั้งหมด
จำนวน 3 ประตูที่เขาทำได้ในลีกมีเพียงแค่ คริสเตียน พูลิซิช ของ เอซี มิลาน และ ริคคาร์โด้ ออร์โซลินี่ ของ โบโลญญ่า ที่ดีกว่า (4 ประตู) และมีผู้เล่นมิดฟิลด์เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีสถิติยิงตรงกรอบมากกว่าเขา
ขณะเดียวกัน แมนฯ ซิตี้ เริ่มต้นฤดูกาลได้อย่างแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ได้น่าประทับใจในทุกด้าน ด้วยการชนะ 6 เสมอ 2 และแพ้ 2 จาก 10 เกมแรก
หนึ่งในชัยชนะเหล่านั้นเกิดขึ้นกับ นาโปลี ของ เดอ บรอยน์ ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม โดยเกมเหย้าที่ทุกคนรอคอยการกลับมาของดาวเตะเบลเยียมจบลงเพียงเวลา 26 นาที หลังจากเขาโดนเปลี่ยนตัวออก เมื่อ โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ โดนใบแดง
แม้มันจะดูไม่น่าตื่นเต้น แต่การเริ่มต้นฤดูกาล 2025-26 ของ เดอ บรอยน์ ก็ชี้ให้เห็นว่าเขายังคงเป็นผู้เล่นคนสำคัญในทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้ และเมื่อเทียบกับกองกลางและปีกชุดปัจจุบัน มีเพียง เฌเรมี่ โดกู เพื่อนร่วมชาติของเขาเท่านั้นที่ใกล้เคียงกับผลงานการทำประตูและแอสซิสต์ของเขา
เดอ บรอยน์ vs มิดฟิลด์ แมนฯ ซิตี้
เดอ บรอยน์ ดูเหมือนจะฟิตเต็มที่ โดยเขาพยายามรักษาความฟิตไว้จนถึงช่วงเวลาสุดท้ายของเขาในพรีเมียร์ลีก
เขาลงตัวจริงในลีกเพียง 34 นัดตลอดสองฤดูกาลที่ผ่านมากับ ซิตี้ แต่ได้ลงตัวจริงไป 5 จากทั้งหมด 6 นัดในเซเรีย อา กับ นาโปลี โดยเป็นตัวสำรองอีกนัด
"ผมรู้สึกดี ผมได้ลงเล่นเยอะมากและผมอยู่ในสภาพที่ดี"
หวังพา เบลเยียม ไปเล่นฟุตบอลโลกอีกครั้ง
เดอ บรอยน์ ลงเล่นให้เบลเยียมในฟุตบอลโลกมาแล้ว 3 ครั้ง และเป็นหนึ่งในนักเตะคนท้ายๆ ที่หลงเหลือจาก "ยุคทอง" ของประเทศที่ได้รับการยกย่อง
"เราโชคดีมากที่มีนักเตะอย่าง เควิน" โรเบร์โต้ มาร์ตีเนซ อดีตเทรนเนอร์ทีมชาติที่ปัจจุบันคุม โปรตุเกส กล่าวเมื่อปี 2022
"สำหรับผม เขาคือเพลย์เมกเกอร์ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดในโลกฟุตบอล"
อย่างไรก็ตาม เบลเยียม ที่ว่าจ้างกุนซือถึงสองคน นับตั้งแต่ มาร์ตีเนซ และ เดอ บรอยน์ ถูกปลดจากปลอกแขนกัปตันทีมเมื่อต้นเดือนกันยายน โดย รูดี้ การ์เซีย ผู้จัดการทีมคนล่าสุด ซึ่งอยู่ในตำแหน่งมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2023
การ์เซีย เลือก ยูริ ตีเลอมันส์ กองกลาง แอสตัน วิลล่า เป็นกัปตันทีมคนใหม่พร้อมเสริมว่าเขาคือ "ตัวเชื่อมระหว่างยุคทองและนักเตะอายุน้อย"
เดอ บรอยน์ วัย 34 ปี ยอมรับการตัดสินใจและตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติด้วยการทำ 5 ประตู ใน 4 เกมแรกภายใต้การคุมทีมของ การ์เซีย โดย 2 ประตู ที่เขาทำได้ในเกมกับ เวลส์ ช่วยให้ ปีศาจแดงแห่งยุโรป ขึ้นนำจ่าฝูงของกลุ่ม และใกล้จะได้ไปเล่นฟุตบอลโลกสมัยที่ 4 ติดต่อกัน
เดอ บรอยน์ จะฉลองวันเกิดครบ 35 ปี ในช่วงกลางของการแข่งขันฟุตบอลโลกที่แคนาดา, เม็กซิโก และสหรัฐอเมริกา ช่วงซัมเมอร์หน้า และดูเหมือนว่าเขาแทบจะไม่มีทีท่าว่าจะแย่ลงเลย