'ซูบีเมนดี้' จิ๊กซอว์ที่ปืนตามหา ตอน 1

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
มิเกล อาร์เตต้า ใช้เวลาถึง 2 ปีในการสร้างแดนกลางของ อาร์เซน่อล ให้ลงตัวอีกครั้งหลังการย้ายออกไปของ กรานิต ชาก้า ก่อนคว้าจิ๊กซอว์ที่ต้องการด้วยการดึง มาร์ติน ซูบีเมนดี้ มาร่วมทีม

ซูบีเมนดี้ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองกลางตัวรับที่ดีที่สุดของโลก และจะเข้ามาผนึกกำลังร่วมกับ เดแคลน ไรซ์ และ มาร์ติน โอเดการ์ด ในระบบกองกลางสามคน

กองกลางทีมชาติสเปนรายนี้คือจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่จะยกระดับแดนกลางของ อาร์เซน่อล ให้มีความสมดุลได้จริงหรือไม่ วันนี้เราไปวิเคราะห์ให้เห็นภาพตั้งแต่จุดเริ่มต้นในเส้นทางอาชีพก่อนถึงวันย้ายสู่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม 

ซูบีเมนดี้ เกิดที่เมืองซาน เซบาสเตียน ในจังหวัดกีปุซเกาของแคว้นบาสก์ เคยเล่นให้ทีมเยาวชน อันติกัวโก ตามรอย มิเกล อาร์เตต้า จากนั้นเข้าร่วมทีมเยาวชนของ เรอัล โซเซียดาด ในปี 2011 ตอนอายุเพียง 12 ขวบ และขึ้นเล่นชุดใหญ่ครั้งแรกในเกมพบ เคตาเฟ่ ช่วงท้ายฤดูกาล 2018/19 

วันที่ประเดิมสนามให้ โซเซียดาด ซูบีเมนดี้ ได้เล่นร่วมกับ มิเกล เมรีโน่ แข้งรุ่นพี่ในทีมเป็นครั้งแรก ก่อนได้เล่นร่วมกันทั้งหมด 169 นัดทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติสเปน และต่อจากนี้จะลุยด้วยกันภายใต้เครื่องแบบ อาร์เซน่อล 

ฤดูกาล 2020/21 คือฤดูกาลที่ ซูบีเมนดี้ เริ่มเป็นตัวหลักได้ลงสนามรวม 41 นัดในทุกรายการ พาทีมจบอันดับ 5 ของตาราง และได้ฉลองแชมป์โกปา เดล เรย์ ถ้วยรางวัลระดับเมเจอร์ใบแรกของสโมสรในรอบมากกว่าสามสิบปี

แชมป์โกปา เดล เรย์ ในปี 2021 แท้จริงแล้วคือการแข่งขันของฤดูกาล 2019/20 ที่วงการฟุตบอลเกือบทั่วโลกต้องหยุดชะงักไปหลายเดือนเนื่องจากโควิดระบาด นัดชิงชนะเลิศระหว่าง โซเซียดาด กับ แอธเลติก บิลเบา จึงเลื่อนกันข้ามปีก่อนได้คิวว่างในเดือนเมษายนของปี 2021 

ซูบีเมนดี้ ลงเล่นในโกปา เดล เรย์ ครั้งแรกคือนัดชิงชนะเลิศ เขาอยู่ในสนามเต็ม 90 นาทีเช่นเดียวกับ มิเกล เมริโน่ และ นาโช่ มอนเรอัล ก่อนพาทีมเอาชนะ บิลเบา 1-0 คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ 

หากนัดชิงชนะเลิศลงแข่งตามโปรแกรมในปี 2020 ซูบีเมนดี้ ก็อาจไม่ได้แชมป์แรกและแชมป์เดียวกับ โซเซียดาด เพราะตอนนั้นยังไม่ใช่ตัวหลักของทีม 


เติบโตและสร้างชื่อกับ เรอัล โซเซียดาด

จากวันประเดิมสนามจนถึงฤดูกาลล่าสุด ซูบีเมนดี้ ลงเล่นให้ โซเซียดาด ทั้งหมด 236 นัด เขาเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของทีมยุคกุนซือ อีมาน่อล อัลกวาซิล ที่เริ่มต้นในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน และอำลาทีมพร้อมกันในซัมเมอร์นี้

ไอตอร์ ซูไลก้า อดีตโค้ชของ เรอัล โซเซียดาด ที่เคยร่วมงานใกล้ชิดกับ ซูบีเมนดี้ ต้องอยู่ชุดเบของสโมสร กล่าวไว้ว่า "สิ่งแรกที่ต้องพูดเกี่ยวกับ มาร์ติน ก็คือ เขาเป็นคนที่สมบูรณ์แบบในฐานะ 'มนุษย์' และ 'นักเตะ'"

"เขามี 4 คุณลักษณะรวมอยู่ในคนเดียวกันซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เขาเป็นคนถ่อมตัวและเรียบง่ายมาก แต่ก็ภูมิใจในตัวเองและมีบุคลิกที่แข็งแกร่งมากด้วย คุณไม่ค่อยเจอนักเตะที่มีคุณสมบัติเหล่านี้รวมกันทั้งหมด แต่ มาร์ติน คือหนึ่งในนั้น"

"เขาเป็นคนมีวินัยสูง เอาจริงเอาจังกับงานของตัวเองมาก ฉลาด รับฟังโค้ช และมีมารยาทดี ให้เกียรติทุกคน"

ขณะที่ การ์ลอส มาร์ตีเนซ อดีตแบ็กขวา โซเซียดาด เสริมว่า "ตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเราเห็นเขาลงเล่นก็รู้ทันทีว่ามี 'บางอย่าง' ที่ต่างออกไป เป็นสิ่งที่ดึงดูดสายตาของคนที่เคยเล่นฟุตบอลมาก่อน มันเป็นทั้งการเคลื่อนที่ของบอล และบุคลิกที่เขาแสดงออกมาตั้งแต่อายุยังน้อย"

✅ จุดเริ่มต้นการต่อจิ๊กซอว์แดนกลาง

ย้อนไปหลังจบฤดูกาล 2022/23 ที่ มิเกล อาร์เตต้า ต้องปรับตรงกลางของทีมใหม่เนื่องจาก กรานิต ชาก้า ย้ายไป เลเวอร์คูเซ่น

ไค ฮาแวร์ตซ์ ถูกดึงมาจาก เชลซี เพื่อเสียบแทนตำแหน่งว่างนี้ ทว่าการเล่นในตำแหน่งนี้ของ ฮาแวร์ตซ์ ไม่ตอบโจทย์ครบถ้วนนัก อาร์เตต้า จึงปรับขึ้นไปเล่นเป็น 'False 9' ในหลายครั้งช่วงครึ่งฤดูกาลหลังซึ่งผลงานดีกว่า

แดนกลางของทีมจึงยังไม่ลงตัวเสียทีเดียว เดแคลน ไรซ์ ที่ย้ายมาฤดูกาลแรกเช่นกัน กลายเป็นตัวหลักทันทีกับบทบาทหมายเลข 6 สลับกับหมายเลข 8 ในบางนัด ส่วน โธมัส ปาร์เตย์ มีอาการบาดเจ็บบ่อยครั้ง ไม่ได้ลงเล่นต่อเนื่อง

ซัมเมอร์ 2024 อาร์เตต้า จึงไปดึง มิเกล เมริโน่ มาเพิ่มเพื่ออุดรูรั่วแดนกลาง แต่ เมริโน่ ถูกใช้งานในฐานะสำรองมากกว่าเพราะกลายเป็น เดแคลน ไรซ์ ที่ได้เล่นเกมรุกมากขึ้นกับบทบาทหมายเลข 8 ซึ่งปัจจัยสำคัญคือ สภาพร่างกายที่กลับมาฟิตสมบูรณ์ของ โธมัส ปาร์เตย์ ทำให้ได้เล่นให้ทีมเต็มที่ในตำแหน่งกลางรับ


แดนกลางชุดใหม่ของ อาร์เซน่อล

แดนกลางของ อาร์เซน่อล ในฤดูกาล 2024/25 จึงเป็น โธมัส ปาร์เตย์ อยู่ต่ำสุด ส่วน เดแคลน ไรซ์ กับ มาร์ติน โอเดการ์ด คอยปั้นเกม ขณะที่ช่วง 3-4 เดือนสุดท้าย เมริโน่ ถูกดันไปเล่นกองหน้าจำเป็นเพราะ กาเบรียล เชซุส กับ ไค ฮาแวร์ตซ์ เจ็บหนักพักยาว

อาร์เตต้า รู้อยู่แล้วว่าต้องดึงกองกลางมาเพิ่มในซัมเมอร์นี้เพราะ ปาร์เตย์ อยู่ในช่วงปลายอาชีพ และเข้าสู่สัญญาปีสุดท้าย แถมไม่รู้ด้วยว่าโรคเดี้ยงจะกลับมาเล่นงานอีกเมื่อไหร่ ฤดูกาลล่าสุดถือว่าเหลือเชื่อทีเดียวที่กองกลางทีมชาติกานาแทบไม่บาดเจ็บเลย ต่างจากเพื่อนร่วมทีมคนอื่นที่สลับกันล้มหมอนนอนเสื่อเป็นว่าเล่น

ตามรายงานของ ดิ แอธเลติก เปิดเผยว่า อาร์เซน่อล เริ่มวางแผนดึงตัว มาร์ติน ซูบีเมนดี้ ตั้งแต่ตอนเจรจาในดีล เมริโน่ เมื่อปีก่อนแล้ว ภาพในหัวของ อาร์เตต้า คือ ซูบีเมนดี้ จะเป็นตัวแทนของ ปาร์เตย์ ในระยะยาว  

ท้ายที่สุด ปาร์เตย์ ไม่สามารถตกลงสัญญาใหม่กับ อาร์เซน่อล จึงต้องแยกทางกันในซัมเมอร์นี้ และ ซูบีเมนดี้ ก็เข้ามารับช่วงต่อในทันที

ทำไม อาร์เซน่อล ต้องการ ซูบีเมนดี้

โรเบร์โต้ มอนเทียล รองประธานสโมสร เรอัล โซเซียดาด เคยกล่าวถึง มาร์ติน ซูบีเมนดี้ ตั้งแต่ก่อนย้ายร่วมทีม อาร์เซน่อล อย่างเป็นทางการว่า "ผมคิดว่าเขาคือผู้เล่นที่ อาร์เซน่อล ขาดไป"

"พวกเขามี เดแคลน ไรซ์, มิเกล เมรีโน, มาร์ติน โอเดการ์ด แต่ขาดอะไรบางอย่างเวลาที่เล่นจากด้านหลังด้วยการแตะบอลแค่หนึ่งหรือสองครั้ง"

"ผมคิดว่า ซูบิเมนดี้ คือผู้เล่นที่พวกเขาต้องการสำหรับจุดนี้ เขาสามารถจ่ายบอลได้หลายรูปแบบ และยังอ่านเกมได้ดีมาก เขาจะเป็นการเสริมทัพที่ดีสำหรับ อาร์เซน่อล"


มิเกล อาร์เตต้า ติดตามผลงานของ มาร์ติน ซูบีเมนดี้ มานานแล้ว ทั้งสองมีเส้นทางชีวิตร่วมกันหลายอย่างทั้งเติบโตในเมืองซาน เซบาสเตียน เคยเล่นทีมเยาวชนทีมเดียวกัน และเล่นให้ โซเซียดาด ทั้งหมดยิ่งทำให้รุ่นน้องร่วมชาติอยู่ในเรดาร์ความสนใจของกุนซือปืนใหญ่มาโดยตลอด

อาร์เตต้า ใช้พื้นฐานร่วมกันนี้เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับ ซูบีเมนดี้ ในการเจรจา โดยมีบทบาทสำคัญในการโน้มน้าวใจให้ย้ายร่วมทีม อาร์เซน่อล หลังจากที่ปฏิเสธ ลิเวอร์พูล เมื่อปีที่แล้ว

นอกจากนี้ อินากี้ อิบาเนซ ที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของ ซูบีเมนดี้ ก็เป็นเพื่อนสนิทของ อาร์เตต้า ด้วย  

การมาแทน โธมัส ปาร์เตย์ เป็นภารกิจที่ไม่ง่ายเพราะกองกลางทีมชาติกานาสร้างมาตรฐานเอาไว้สูงพอสมควรในเวลาที่ลงเล่นด้วยสภาพร่างกายฟิตสมบูรณ์ เป็นตัวคุมจังหวะการเล่นที่ยอดเยี่ยม ดึงจังหวะช้า-เร็ว และคอยกำหนดทิศทางการเล่นของทีมว่าขึ้นซ้ายหรือขวาดี 

แข้งใหม่จากสเปนต้องเข้ามาทดแทนให้ได้ และอีกจุดที่ อาร์เซน่อล คาดหวังคือการเป็นนักเตะที่รับมือกับเพรสซิ่งได้ดี เอาตัวรอดได้ในเวลาถูกคู่แข่งไล่บีบ พลิกบอลหนี หรือออกบอลได้ และสำคัญเลยคือเสียบอลยาก

หลายครั้งที่ อาร์เซน่อล เพลี้ยงพล่ำในฤดูกาลที่แล้ว ส่วนหนึ่งเพราะแดนกลางเป็นรองคู่แข่งจากการถูกไล่บีบถึงตัวเร็วจนตั้งเกมไม่ได้ และเสียการครองบอล

  ทักษะส่วนตัวของ ซูบีเมนดี้ ถือว่าดีมาก มีสมาธิในเกมสูง นิ่ง ไม่ลนลาน อ่านสถานการณ์ล่วงหน้าตลอด ตัดสินใจได้ดีและชัดเจนว่าต้องการเล่นอะไร ไม่ลังเลจนกลายเป็นทำจังหวะของทีมเสีย

หนึ่งในตัวอย่างคือ เกมที่สเปนบุกชนะเดนมาร์ก 2-1 เขาถูกผู้เล่นเดนมาร์ก 3 คนวิ่งเข้าเพรส แต่ด้วยเทคนิคและความนิ่งก็ทำให้หนีจากสถานการณ์กดดันและออกบอลให้เพื่อนได้อย่างมั่นใจ

การสัมผัสบอลจังหวะเดียวที่เหนือชั้นช่วยให้เอาตัวรอดจากการประกบของฝ่ายตรงข้ามได้บ่อยครั้ง เหมือนเล่นในเกมพบ บาเลนเซีย ที่เพื่อนร่วมทีมจ่ายบอลยัดมาจากฝั่งซ้าย และมีคู่แข่งกำลังวิ่งเข้าหา แต่ ซูบีเมนดี้ จัดการไขว้บอลจังหวะเดียวส่งคืนหลังให้เซนเตอร์แบ็กทันที เปลี่ยนจากสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการเสียบอลเป็นครองบอลต่อเนื่อง


โชว์คุณภาพเล่นจังหวะต่อเนื่องด้วยตัวคนเดียว

อีกตัวอย่างคือในเกมพบ เลกาเนส ซูบีเมนดี้ ใช้เท้าซ้ายกระดกบอลจังหวะเดียวข้ามหัวคู่แข่ง ก่อนตามไปเอาบอลลงด้วยต้นขา และดีดต่อไปให้ ทาเคฟุสะ คูโละ ทางฝั่งขวา เป็นการเล่นจังหวะต่อเนื่องด้วยตัวคนเดียวได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ เนียนตา ดูเหมือนง่ายแต่หากทักษะไม่ถึงก็ไม่สามารถทำได้แน่

การเล่นแบบนี้สร้างโอกาสและเปิดพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีมทันที คูโบะ ลากต่อขึ้นทางริมเส้นก่อนเปิดให้ มิเกล โอยาซาร์บัล จบสกอร์ 

ซูบีเมนดี้ ถนัดกับการเล่นบอลสั้นในแดนกลางเพื่อช่วยดึงตัวประกบ และทำให้เพื่อนร่วมทีมมีพื้นที่ในการเล่น เขาใจเย็นมากพอในการเคาะบอลกับเพื่อนร่วมทีมเพื่อให้คู่แข่งขยับเข้าหา จากนั้นจึงตวัดบอลเร็วทะลุช่องไปถึงเพื่อนร่วมทีม

การเล่นแบบนี้น่าจะเหมาะกับ อาร์เซน่อล โดยเฉพาะในเวลาประสานงานกับผู้เล่นทางฝั่งขวาที่มี บูคาโย่ ซาก้า, มาร์ติน โอเดการ์ด, อีธาน วาเนรี่ รวมถึงแบ็กที่คอยสอดขึ้นมาอย่าง เจอร์เรียน ทิมเบอร์


ไขว้ทีเดียวหลุดจากการไล่บีบได้ง่ายดาย

จากตำแหน่งที่ ซูบีเมนดี้ รับบอลในฤดูกาล 2024/25 เขามักอยู่ในจุดที่สามารถช่วยเก็บบอลในสถานการณ์กดดันและต่อบอลไปข้างหน้าได้เสมอ

เขาพร้อมขยับออกไปทั้งสองฝั่งเพื่อเป็นทางเลือกในแดนกลาง และไม่ลังเลที่จะเข้าไปอยู่ในพื้นที่อันตรายใกล้ประตูตัวเอง นั่นจึงไม่แปลกที่เขาเป็นผู้เล่นที่มีการสัมผัสบอล จ่ายบอล และพาบอลขึ้นหน้ามากสุดในทีม 

โปรดติดตามต่อในตอนที่ 2 ที่จะเจาะลึกการเล่นของ มาร์ติน ซูบีเมนดี้ ทั้งเกมรับและเกมรุกมากยิ่งขึ้น



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})