รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง

"ถ้าพวกเขา (อาร์เซน่อล) ไม่ต้องการจ่ายค่าตัวของ วิคตอร์ ตามมูลค่าตลาดที่เหมาะสม เราก็ไม่เดือดร้อนอะไรกับการเก็บเขาไว้ตลอด 3 ปีข้างหน้า"
"กลยุทธ์แบบนี้ก็ยิ่งทำให้การย้ายทีมของนักเตะซับซ้อนขึ้น ไม่มีใครอยู่เหนือผลประโยชน์ของสโมสร ไม่ว่า เขาจะเป็นใครก็ตาม"
"พวกเรายังใจเย็น ทุกอย่างจะคลี่คลายตอนตลาดปิด พร้อมกับค่าปรับก้อนโต และคำขอโทษต่อหน้าเพื่อนร่วมทีม" วารันดาส กล่าว
นั่นคือคำพูดที่มาพร้อมท่าทีขึงขังของ ประธานสโมสร สปอร์ติ้ง เกี่ยวกับสถานการณ์ที่ โยเคเรส ไม่มารายงานตัวซ้อมช่วงปรีซีซั่น
หัวหอกทีมชาติสวีเดนแสดงความต้องการออกมาชัดเจนว่าอยากย้ายทีม และแจ้งความต้องการตัวเองต่อท่านประธานไปแล้ว และปลายทางในใจของมีเพียงหนึ่งเดียวคือ "อาร์เซน่อล"
จุดยืนของ โยเคเรส หนักแน่นมั่นคงเพราะเขายึดมั่นในคำสัญญาที่เคยตกลงเอาไว้กับสโมสรว่าสามารถย้ายทีมได้ในซัมเมอร์นี้หากมีข้อเสนอระดับ 60 ล้านยูโร + โบนัส 10 ล้านยูโร
เฟรเดริโก้ วารันดาส ประธานสโมสร สปอร์ติ้ง ลิสบอน
อาร์เซน่อล พร้อมจ่ายและจ่ายมากกว่าในราคา 65 ล้านยูโร บวกโบนัสอีก 15 ล้านยูโร ทว่าท่าทีของ วารันดาส เปลี่ยนไป เขาต้องการตัวเลขที่แน่นอนกว่านั้นคือ เงินก้อนแรก 70 ล้านยูโร บวกโบนัสอีก 10 ล้านยูโร
และหลังจากการให้สัมภาษณ์ล่าสุดออกมา ตัวเลขในใจของบิ๊กบอสสปอร์ติ้งอาจเพิ่มขึ้นอีก...
การตัดสินใจแตกหักกับสโมสรของ โยเคเรส เป็นความกล้าหาญอย่างยิ่ง แต่ก็มาพร้อมกับเสี่ยง และผลกระทบที่เจ้าตัวรู้ว่าต้องเจออะไรบ้าง
แน่นอน การกระทำแบบนี้มีราคาที่ต้องจ่าย เขาอาจถูกปรับเงิน ถูกลงโทษทางวินัย ถูกดองยาวหากไม่ได้ย้ายทีม หรือถูกตราหน้าว่า "ไม่เป็นมืออาชีพ"
แต่เขาก็ยังเลือกจะทำ
ตลอดสองปีที่ผ่านมา โยเคเรส ทุ่มเทเต็มที่เพื่อทีม ใส่หมดทุกเม็ด ยิงประตูเป็นกอบเป็นกำ และพาทีมคว้าแชมป์ลีกได้สองสมัยติดต่อกัน กลายเป็นหนึ่งในดาวยิงที่เนื้อหอมที่สุดในยุโรป
ตอนนี้ในวัย 27 ปี คือช่วงพีกสุดของอาชีพ และการย้ายไป อาร์เซน่อล อาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่เขาจะได้เล่นให้ทีมระดับท็อปจริงๆ
แรงจูงใจของ โยเคเรส ไม่ใช่แค่ต้องการพิสูจน์ตัวเองกับทีมใหญ่ แต่ยังมาจากความรู้สึกถูก "หักหลัง" จากคำมั่นที่เขาเชื่อว่าสโมสรเคยให้ไว้
ไม่มีใครบอกได้ว่าข้อตกลงระหว่างสโมสรกับ โยเคเรส มีจริงหรือไม่ หรือเป็นลายลักษณ์อักษรที่ใครก็ค้านไม่ได้ แต่จากพฤติกรรมที่เด็ดเดี่ยวถึงขั้นนี้ มันทำให้หลายคนเชื่อว่าเขาไม่ได้คิดไปเอง
เขาจึงเลือกจะหัก ไม่ยอมงอ แม้จะต้องแลกกับการถูกโจมตีด้วยคำว่า “ไร้ความเป็นมืออาชีพ" เขายอมสละเงินค่าเหนื่อยถึง 2 ล้านยูโร เพื่อให้ดีลเดินหน้า ยอมแบกรับทุกแรงเสียดทานที่เกิดขึ้น
จริงอยู่ว่าการกระทำแบบนี้ไม่ได้เหมาะกับทุกสถานการณ์ และอาจไม่ใช่แบบอย่างที่ดีในทุกมิติ แต่กรณีของ โยเคเรส ก็สะท้อนให้เห็นอย่างหนึ่งว่า ในโลกฟุตบอลสมัยนี้ "คำพูด" ไม่เพียงพออีกต่อไป
หากนักเตะไม่ปกป้องตัวเองด้วยสัญญาที่ชัดเจน รายละเอียดที่รัดกุม และหลักฐานที่จับต้องได้ เขาอาจต้องเดินเข้าสู่สถานการณ์แบบเดียวกับ โยเคเรส ในวันนี้
เขาอาจได้ไปอาร์เซน่อล
เขาอาจถูกปล่อยยืม
หรือเขาอาจต้องอยู่กับสโมสรที่เขาไม่เชื่อใจอีกต่อไป
แต่ไม่ว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนที่สุดคือ เขากล้าที่จะเลือกเส้นทางของตัวเองด้วยจิตใจที่เด็ดเดี่ยว
แม้ต้องแลกมาพร้อมกับการเอาโอกาสสุดท้ายในอาชีพไปเดิมพันกับความเสี่ยงที่อาจจบด้วยความ "สมหวัง" หรือ "ผิดหวัง" ก็ได้