หัวใจขอมา

วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม 2568 คอลัมน์ บรรเลงเพลงแข่ง โดย แว่นดำ
141
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
"กลับมาคราวนี้ เพื่อมาทวงความฝันคืน"

ปิดฉากมหากาพย์ หลังยือเยื้ออยู่นาน

วิคเตอร์ โยเคเรส สู่ถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายของอาร์เซน่อลและ มิเกล อาร์เตต้า?

หลังละลายทรัพย์ร่วม 70 ล้านยูโรเศษ เพื่อกระชากตัวมาจากสปอร์ติ้ง ลิสบอน ซึ่งพยายามยื้อยุดสุดชีวิต ตามแบบฉบับทีมสุดเขี้ยว ท้ายสุด ศูนย์หน้าสวีดิชชูเสื้อหมายเลข 14 และตามไปสมทบกับทีม ขณะทัวร์ที่สิงคโปร์เรียบร้อยแล้ว

นี่คือหนึ่งในศูนย์หน้าที่อันตรายที่สุดในยุโรป พ.ศ.นี้

สปอร์ติ้ง ลิสบอน ได้เงินมหาศาลและกำไรอย่างที่ต้องการ

อาร์เซน่อล ได้หมายเลข 9 ที่ปรารถนา ตอบโจทย์ลูกหนัง

... และโยเคเรสได้กลับมาทวงความฝันคืน



ก็ยังคาใจข้างในลึกๆ

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไม่ใช่ของใหม่สำหรับศูนย์หน้าสวีดิชแต่อย่างใด

ย้อนหลังกลับไปมกราคม 2018 โยเคเรสแบกความฝันจากบรอมมาพอจคาร์น่าในบ้านเกิด เพื่อมาอยู่กับไบรท์ตัน ในฐานะกองหน้าดาวรุ่ง

หากแต่ความฝันนั่นไม่ง่าย ไอ้หนุ่มโยเคเรสถูกหมางเมินจากทีมชุดใหญ่ และได้เพียงลงเล่นในทีมยู-21 

เช่นเดียวกับการถูกปล่อยให้ ซังต์ เพาลี ทีมลีกา 2 เยอรมัน รวมทั้ง สวอนซี ซิตี้ และโคเวนทรี ซิตี้ ในแชมเปี้ยนชิพ ยืมใช้งาน

กระทั่งถูกขายขาดให้ "ช้างกระทืบโรง" ในปี 2021

นั่นเท่ากับว่า โยเคเรสไม่เคยเล่นในเกมพรีเมียร์ลีกแม้แต่นัดเดียว

หลังแจ้งเกิดในลีกแชมเปี้ยนชิพกับโคเวนทรี ซิตี้ ฟอร์มร้อนแรงเตะตาสปอร์ติ้ง ลิสบอน ยอดทีมแห่งแดนฝอยทองที่มี รูเบน อาโมริม กุมบังเหียน

ที่นี่เองที่โยเคเรสสถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นหนึ่งในดาวยิงที่ร้อนแรงที่สุดในยุโรป กวาดความสำเร็จล้นหลามทั้งกับทีม และในระดับส่วนตัว

ดาวยิงวัย 27 ลงเล่นให้ "สิงโตแห่งลิสบอน" 102 นัด และฝากผลงานสุดทึ่ง 97 ประตู 28 แอสซิสต์จากทุกรายการ

หากแต่พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยังคงเป็นสังเวียนที่โยเคเรสต้องการพิสูจน์ตัวเอง

"ในหัวผมคิดแค่เรื่องทำประตูและเอาชนะเกม เพราะหากทำได้ มันย่อมเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้" โยเคเรส เผยกับ เล กิ๊ป สื่อใหญ่แดนน้ำหอม เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา

"พรีเมียร์ลีก อังกฤษ? นั่นคือหนึ่งในลีกที่ยิ่งใหญ่สุดของยุโรป? ผมใช้เวลาที่นั่นหลายปีโดยไม่ได้ลงเล่นแม้แต่นัดเดียว แน่นอนที่สุด มันคือหนึ่งในเรื่องที่อยากลอง มันต้องเป็นการชำระแค้นอย่างสาสมแน่ๆ "

"ในวงการฟุตบอลคุณไม่มีทางรู้อนาคต ผมไม่คิดเรื่องนั้นให้เสียเวลา ไว้เรามารอดูจะเกิดอะไรขึ้น"

"ถ้ามันจะเกิด มันก็เกิด สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผมคือการลงเล่นให้สโมสรที่อยากร่วมงานกับเราจริงๆ "

โยเคเรสต้องการสร้างการยอมรับฐานะสุดยอดศูนย์หน้า ระดับเดียวกับ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์, แฮร์รี่ เคน หรือ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

"ผมคือหนึ่งในกลุ่มนั้นแน่นอน"

"ตอนนี้ มันอาจยากหน่อยที่จะจัดลำดับผมในกลุ่มเหล่านั้น แต่แน่นอน ผมคือระดับเดียวกับพวกเขา” 

"ผลงานที่ผมสร้างขึ้นใต้เครื่องแบบ สปอร์ติ้ง มันโน้มน้าวให้เชื่อว่า สามารถทำแบบเดียวกันอีกไม่ว่าไปเล่นที่ใด คุณยังไม่ได้เห็นร่างทองของ โยเคเรส ด้วยซ้ำ"



กลับมาคราวนี้ ... เพื่อมาทวงความฝันคืน

โยเคเรสล้มเหลวในช่วงแรกที่ค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก และไม่ได้รับโอกาสพิสูจน์ตัวเองแม้แต่วินาทีเดียว

ล้มลงใช่ล้มเลิก มันคือแรงผลักดันเพื่อให้ลุกขึ้นมาใหม่

นี่คือการกลับมาโลดแล่นในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีอีกครั้ง สำหรับดาวยิงสวีดิช และพิสูจน์ตัวเองในลีกที่โหดหินที่สุดในโลก พ.ศ.นี้

ใครบางคนก็เคยเผชิญชะตาเช่นนี้ ก่อนกลายเป็นตำนาน ไม่เพียงแต่สโมสรของตนเอง แต่ยังเป็นตำนานระดับพรีเมียร์ลีกนั่นเลย

โม ซาลาห์ ไม่ได้ผุดได้เกิดในสีเสื้อสิงห์บลูส์ยุค โชเซ่ มูรินโญ่ และได้ลงเล่นเพียง 13 เกมพรีเมียร์ลีก พร้อมผลงานกระจุ๋มกระจิ๋ม 2 ประตูถ้วน

ระหว่างทาง โดนปล่อยตัวให้ ฟิออเรนติน่า และ โรม่า ยืมใช้งาน ก่อนโดนขายทิ้งให้ "หมาป่ากรุงโรม" ในปี 2016

กับโรม่า ซาลาห์กลายเป็นจิ๊กซอว์สำคัญ ด้วยผลงาน 15 ประตูจาก 31 เกมลีก ฤดูกาล 2016-17 เตะตา เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือลิเวอร์พูลในตอนนั้น

43 ล้านปอนด์กลายเป็นค่าตัวแสนถูก เมื่อมองย้อนกลับไป ดาวเตะอียิปต์กลายเป็นตำนานแห่งถิ่นแอนฟิลด์ เป็นหนึ่งในดาวซัลโวที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีกยุคปัจจุบัน 

สถิติแล้ว สถิติเล่าถูกซาลาห์ทำลายสิ้น และแน่นอนว่า มันยังไม่หยุดแค่นั้น หลังดาวเตะแดนมัมมี่ยืดสัญญาอยู่ในถิ่นแอนฟิลด์ออกไปถึง 2 ปี เมื่อเมษายนที่ผ่านมา

เควิน เดอ บรอยน์ ก็ไม่ต่างกัน ในฐานะ "ของเล่นเศรษฐี" ของเชลซียุคมูรินโญ่เช่นกัน

มิดฟิลด์เบลเยี่ยมลงเล่นแค่ 3 เกมพรีเมียร์ลีก และโดนปล่อยให้แวร์เดอร์ เบรเมน ในเยอรมันยืมใช้งานในฤดูกาล 2012-13 ก่อนทำได้ถึง 10 ประตูจาก 34 เกมบุนเดสลีกา แจ้งเกิดในเมืองเบียร์ซะอย่างงั้น

นั่นทำให้เชลซีปล่อย เดอ บรอยน์ ให้โวล์ฟสบวร์ก และในช่วง 2 ฤดูกาลเศษในถิ่นหมาป่า ดาวเตะเบลเยียมกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญของทีม

ซัมเมอร์ 2015 KDB ถูกแมนฯ ซิตี้ ภายใต้ มานูเอล เปเยกรีนี่ ซื้อกลับมาพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง แม้เคยล้มเหลวที่สแตมฟอร์ด บริดจ์

จากนั้น ประวัติศาสตร์ก็เกิดขึ้น 10 ปีในถิ่นเอติฮัด บ่งบอกว่า เดอ บรอยน์ คือสุดยอดมิดฟิลด์ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก

ล้มเหลวในวัยละอ่อน ก่อนไปเคี่ยวกรำในลีกอื่น แล้วกลับมาสร้างชื่อในวันที่เติบโตเต็มที่ทั้งประสบการณ์และสภาพร่างกาย

โม ซาลาห์, เดอ บรอยน์ ทำให้เห็นแล้ว

โยเคเรส คือรายต่อไป?


หัวใจขอมา

ไม่ต่างกับบทเพลงของแดนซิ่ง ควีน เมืองไทย คริสติน่า อากีลาร์ เมื่อปี 2533

"หัวใจขอมา" หนึ่งในบทเพลงไพเราะของอัลบั้ม "นินจา" จากการโปรดิวซ์ของ พี่โอม-ชาตรี คงสุวรรณ

เนื้อเพลงสวยงามตามแบบฉบับ พี่สุรักษ์ สุขเสวี ครับผม

verse 1 กลับมายืนที่เดิม ที่ที่เคยคุ้นตา ที่ที่ใจนั้นคอยเรียกหา เฝ้าคิดถึง วันที่ผ่านไป

verse 2 ที่ที่เคยพบเธอ ที่ที่ยังฝังใจ กลับมาตามหาความสดใส ที่ยังเหลือ พอให้จดจำ

pre-chorus กวาดตามอง ไม่พบเธอตรงที่เก่า ถึงแม้วันนี้ เงียบเหงา แต่ยังดีใจ ที่ได้มาเยือน

chorus กลับมาคราวนี้ เพื่อมาทวงความฝันคืน สูดความฝัน ให้ชื่นใจ

ยาวนานเหลือเกิน ที่ฝันจางหายไป ในหัวใจ ยังทวงถาม

กลับมาคราวนี้ เพราะหัวใจมันขอมา ให้ตามหา ความทรงจำ

ปล่อยใจตัวเอง ให้มันชื่นฉ่ำ กับความทรงจำ ที่เคยมี

กลับมาคราวนี้ โยเคเรสไม่ใช่ดาวรุ่งโนเนมอีกต่อไป

ครั้งนี้ ศูนย์หน้าสวีดิชมาพร้อมดีกรีที่สั่งสม ในฐานะยอดดาวซัลโวระดับยุโรป

ยินดีต้อนรับกลับสู่พรีเมียร์ลีกอย่างเป็นทางการ!


เพลงที่ 52 : หัวใจขอมา

คำร้อง : สุรักษ์ สุขเสวี

ทำนอง / เรียบเรียง : โสฬส ปุณกะบุตร

ศิลปิน : คริสติน่า อากีล่าร์

อัลบั้ม : นินจา

ปี : 2533




ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})