แชมป์!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเอาชนะยอดทีมของโลกเวลานี้อย่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในเกมชิงชนะเลิศแบบขาดลอยด้วยสกอร์ 3-0 ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่ต้องปรบมือให้ทั้ง เอ็นโซ่ มาเรสก้า และนักเตะทุกคน
ถือเป็นฤดูกาลแห่งความสำเร็จของสโมสรอย่างแท้จริง จากที่เป้าหมายแรกกับการคว้าตั๋วลุย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ทำได้สำเร็จบวกกับแชมป์ ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก แถมปิดท้ายด้วยการได้แชมป์สโมสรโลกอีกรายการ
การจัดทีม
โรเบิร์ต ซานเชซ ยังยึดตำแหน่งผู้รักษาประตู เช่นเดียวกับแบ็กที่ มาโล กุสโต และ มาร์ก กูกูเรย่า ทำหน้าที่ทั้งขวาและซ้าย ส่วนเซนเตอร์ให้ ลีวาย โคลวิลล์ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงร่วมกับ เทรโวห์ ชาโลบาห์ โดย โทซิน อดาราบิโอโย่ เป็นตัวสำรอง
มิดฟิลด์ รีซ เจมส์ กลับมาทำหน้าที่อีกครั้งโดยจับคู่กับ มอยเซส ไกเซโด้ นั่นหมายความว่า เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ขยับขึ้นไปยืนสูงโดยประสานงานกับ โคล พาลเมอร์ และ เปโดร เนโต้ ส่วนกองหน้าตัวเป้าเป็น ชูเอา เปโดร ฮีโร่จากเกมที่แล้ว
ออกสตาร์ทอย่างยอดเยี่ยม
ทีมของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า เปิดฉากอย่างดุดันและทำได้ดีกว่า "แชมป์ยุโรป" อย่างชัดเจนกระทั่งมาพังประตูขึ้นนำจากบอลยาวของ โรเบิร์ต ซานเชซ ที่บอลมาถึง มาโล กุสโต ที่ลากบอลเข้าเขตโทษด้านขวาก่อนหาจังหวะยิงบอลติดบล็อคแต่ยังมาเข้าทาง กุสโต ไหลบอลมาที่ โคล พาลเมอร์ จับหนึ่งที่ก่อนแปด้วยซ้ายเล่นทางตรงเส้นเขตโทษกลางประตูเสียบเสาเข้าไปเป็น 1-0
สกอร์มาขยับเป็น 2-0 ลีวาย โคลวิลล์ วางบอลยาวให้ โคล พาลเมอร์ หลุดมาทางขวาก่อนดึงจังหวะหลอกจะจ่ายแต่เล่นเองจนนักเตะ เปแอสเช เสียจังหวะกันหมดจนแข้งทีมชาติอังกฤษ ได้ยิงโล่งๆ ตรงจุดเดิมเสียบเสามุมเดิมอย่างยอดเยี่ยม
เท่านั้นไม่พอก่อนหมดครึ่งแรก 2 นาทีสกอร์ขยับเป็น 3-0 โคล พาลเมอร์ ไหลบอลทะลุช้องให้ ชูเอา เปโดร สอดมาชิบบอลข้าม จานลุยจิ ดอนนารุมม่า เข้าไปอีก
ยืนหยัดอย่างมั่นคง
แน่นอนว่า ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ต้องบุกใส่เป็นพายุเพื่อที่จะทวงประตูคืนให้ได้ แต่ โรเบิร์ต ซานเชซ ก็สามารถช่วยทีมเซฟประตูจากจังหวะยิงของ อุสมาน เดมเบเล่ เอาไว้ได้
ในขณะที่พลพรรค "สิงห์บลูส์" ขยับถอยลงมาต่ำมากกว่าตอนที่ยังไม่มีประตูเกิดขึ้นซะอีก ทำให้ เปแอสเช ปรับรูปแบบมายิงจากนอกกรอบมากขึ้น แต่ทีมของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ก็ยังคุมเกมได้ในระดับหนึ่ง
เชลซี ไม่ได้ถอยลงไปรับแบบเปล่าๆ พวกเขายังให้ โคล พาลเมอร์ และ ชูเอา เปโดร คอยกดดันในจังหวะสวนกลับไม่ให้ เปแอสเช ต้องบุกเพลิน
ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัดทำให้ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ที่เคยออกมาบ่นถึงเรื่องนี้โดนเปลี่ยนตัวออกก่อนเพื่อนหลังโดนบดบี้อย่างหนัก เช่นเดียวกับ ชูเอา เปโดร ที่เริ่มล้าอย่างเห็นได้ชัดโดยเป็น อันเดรย์ ซานโต๊ส และ เลียม ดีแล็ป ที่ลงมาแทน
หลังลงสนามมาแค่นาทีเดียว ดีแล็ป ก็เกือบบวกประตูเพิ่มให้กับทีมจังหวะสวนกลับที่เขาพาบอลจากเกือบกลางสนามแล้วกดด้วยขวานอกกรอบแต่ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า บินปัดออกหลังไปหวุดหวิด
ในช่วงท้ายสถานการณ์ของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ก็ยิ่งแย่เมื่อเหลือ 10 คนจังหวะที่ ชูเอา เนเวส ไปดึงหัวฟูของ มาร์ก กูกูเรย่า ล้มลงไป ในตอนแรกเจ้าตัวโดนใบเหลืองเท่านั้น แต่หลังเช็ก วีเออาร์ ผู้ตัดสินก็เปลี่ยนเป็นใบแดง
จากนั้นจังหวะของเกมก็ค่อยๆ นิ่งไปกระทั่งสิ้นเสียงนกหวีดหมดเวลา เชลซี ได้ฉลองในฐานะแชมป์ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ด้วยการโค่นที่ทีมถูกยกให้ดีที่สุดในโลกตอนนี้
แชมป์มีความหมายยังไง
นอกจากจะได้ถ้วยรางวัลใหม่เอี่ยมมาประดับตู้โชว์ของสโมสรแล้ว เชลซี จะได้ติดสัญลักษณ์แชมป์สโมสรโลกบนเสื้อไปนานอีกถึง 4 ปี จนกว่าจะถึงการแข่งขันครั้งต่อไปในปี 2029 ด้วย
อะไรรออยู่
หลังจากนี้นักเตะของ เชลซี จะเดินทางกลับ อังกฤษ เพื่อพักผ่อนหลังจากฤดูกาลที่ยาวนานสุดๆ โดยทีมมีคิวอุ่นเครื่องอีก 2 นัดก่อนเปิดซีซั่นใหม่ เริ่มจากเจอกับ เลเวอร์คูเซ่น ในวันที่ 8 สิงหาคม ปิดท้ายเจอกับ เอซี มิลาน วันที่ 10 สิงหาคม