ก่อนจะมาถึง อูโก้ เอกีตีเก้

นายใหญ่ชาวเนเธอร์แลนด์ เข้ามาคุมทีมเมื่อปีที่แล้ว และซื้อนักเตะใหม่ร่วมทีมแค่คนเดียวเท่านั้นก็คือ เฟเดริโก้ เคียซ่า ซึ่งก็ไม่ได้อยู่ใน 11 คนแรก แต่ก็สามารถพาทีมประสบความสำเร็จไปถึงแชมป์ พรีเมียร์ลีก อย่างยอดเยี่ยม
ผู้เล่นหลายคนย้ายออกไปอย่าง ควีวีน เคลเลเฮอร์ และ แนท ฟิลลิปปส์ แต่ไม่ได้เป็นตัวหลักอยู่แล้ว ที่น่าเสียใจคือในรายของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ตัดสินในลาทีมเมื่อหมดสัญญา แต่นั่นคือวิถีของฟุตบอล
แต่ทีมก็สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆ ด้วยการเสริมทีมอย่างน่าสนใจทั้ง โฟลเรียน เวียร์ตซ์, เจเรมี ฟริมปง, มิลอส เคอร์เคซ และ อาร์มิน เปกซี่ บวกกับ จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ ที่เซ็นสัญญากับมาก่อนหน้านี้แล้ว
และล่าสุดกับ อูโก้ เอกีตีเก้ กองหน้าที่จะเข้ามาเป็นตัวความหวังในการทำประตูเพื่อที่จะได้ไม่ต้องพึ่งพา โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มากจนเกินไป เหมือนอย่างที่ผ่านมา
กองหน้าวัย 23 ปี จะกลายเป็นกองหน้าชาวฝรั่งเศส คนที่ 7 ของ ลิเวอร์พูล ซึ่งวันนี้เราจะย้อนกลับไปดูว่า 6 คนแรกนั้นมีใครกันบ้าง
แบร์กนาร์ ดิโอเมด
หลังสร้างชื่อกับ โอแซร์ แถมยังเป็นหนึ่งในขุนพลทีมชาติฝรั่งเศส ชุดแชมป์โลก 1998 ย้ายมาร่วมทีม ลิเวอร์พูล ภายใต้การนำของ เชราร์ อุลลิเยร์ ที่เป็นคนชาติเดียวกัน ในราคา 3 ล้านปอนด์
แบร์กนาร์ ดิโอเมด ประเดิมเกมแรกในนัดพบ ซันเดอร์แลนด์ และทำให้แฟนได้ตื่นเต้นด้วยจังหวะตีลังกายิงแม้ภาพช้าจะแสดงให้เห็นว่าบอลข้ามเส้นก่อนฝดดนสกัดออกมา แต่ด้วยสมัยนั้นยังไม่มี วีเออาร์ เหมือนปัจจุบันเลยไม่ได้ประตู
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลา 2 ปีครึ่งกับสโมสรจบลงด้วยความผิดหวัง ได้ลงเล่นเพียงแค่ 5 เกมเท่านั้น แถมยังเจอกับอาการบาดเจ็บเล่นงานอีก สุดท้ายก็ไม่สามารถยืนหยัดในทีมได้กระทั่งโดนปล่อยให้ อฌักซิโอ ยืมตัวในเดือนมกราคม 2003 กระทั่งหมดสัญญาและแยกทางกันไป
อ็องโตนี่ เลอ ตัลเล็ก
กองหน้าชาวฝรั่งเศส คนที่ 2 ที่ เชราร์ อุลลิเยร์ ดึงมาอยู่ในถิ่น แอนฟิลด์ ก็คือ อ็องโตนี่ เลอ ตัลเล็ก ในปี 2022 โดยในเวลานั้นเขาถือเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่น่าจับตามองว่าจะก้าวขึ้นมามีเส้นทางอาชีพที่สดใส
ลิเวอร์พูล เลือกที่ปล่อยให้ เลอ ตัลเล็ก กลับไปเล่นกับ เลอ อาฟฟร์ อีก 1 ปีก่อนจะมาร่วมทีมอย่างเป็นทางการในปีถัดมา แต่ช่วงเวลากับสโมสรก็เป็นไปอย่างยากลำบากทำได้แค่ประตูเดียวจาก 32 เกม
ถึงกระนั้นเขาก็ยังได้ชื่อว่าเป็นขุนพลของทีมในชุดคว้าโทรฟี่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2005 แม้ว่าในฤดูกาลนั้นจะเจ็บยาวมาตั้งแต่เดือนมกราคม ก็ตาม
ฟลอร็องต์ ซินาม่า-ปงโกลล์
ย้ายมาร่วมทีมจาก เลอ อาฟร์ ด้วยวัยเพียง 17 ปี หลังจากสร้างชื่อมากับ เลอ อาฟร์ ถือเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันมากับ อ็องโตนี่ เลอ ตัลเล็ก นั่นเอง
อันที่จริงแล้ว ฟลอร็องต์ ซินาม่า-ปงโกลล์ ถือเป็นแข้งดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์สูงคนหนึ่ง และเป็นที่ดึงดูดใจแมวมองและทีมงานของ เชราร์ อุลลิเยร์ อย่างมาก แต่ช่วงเวลาในถิ่น แอนฟิลด์ เขาต้องดิ้นรนกับการแย่งตำแหน่งตัวจริงในทีม
ด้วยช่วงเวลานั้นทีมมี ปีเตอร์ เคร้าช์ และ เฟร์นานโด มอริเอนเตส อยู่ในทีมทำให้เขาไม่ได้โอกาสมากนัก ปิดฉากกับสโมสรด้วยผลงาน 9 ประตูจาก 65 เกม อยู่ในชุดที่ได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ
นิโกล่าส์ อเนลก้า
ก้าวขึ้นมาเป็นดาวยิงเบอร์ต้นๆ ของโลกภายใต้การปลุกปั้นของ อาร์แซน เวนเกอร์ ที่ อาร์เซน่อล แต่การตัดสินใจย้ายไป เรอัล มาดริด ในปี 1999 กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้อาชีพของเขาเริ่มถอยลงอย่างรวดเร็ว
หลังอยู่กับ "ราชันชุดขาว" เพียงปีเดียวเขาก็กลับไป ปารีส แซงต์-แชร์กแมง สโมสรเริ่มต้นก่อนที่จะมาอยู่กับ "ปืนใหญ่" แต่ด้วยความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่กับ หลุยส์ เฟร์นานเดซ ที่เข้าทำให้เขาโดนปล่อยให้ ลิเวอร์พูล ยืมตัวใช้งานในเดือนมกราคม 2022
ช่วงเวลาที่กลับมาเล่นใน อังกฤษ ไม่ได้จุดประกายอาชีพของเขาให้กลับมารุ่งโรจน์อีกครั้งแต่อย่างใด และทำได้เพียง 5 ประตูจาก 22 เกม หลังจากนั้นก็กลายเป็นนักเตะพเนจรที่ค้าแข้งกับอีกหลายทีมทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เฟเนร์บาห์เช่, โบลตัน, เชลซี, เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว, ยูเวนตุส, เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ก่อนไปปิดฉากกับ มุมไบ ซิตี้ ในอินเดีย
ฌิบริล ซิสเซ่
ถือว่าเป็นกองหน้าชาวฝรั่งเศส ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดหลังย้ายจาก โอแซร์ มาร่วมทีมเมื่อปี 2004 ด้วยค่าตัว 14 ล้านปอนด์ ซึ่งในตอนนั้นเขาก็สร้างชื่อให้ตัวเองมาพอสมควรใน ลีก เอิง
เขาเป็นหนึ่งในคนที่สังหารจุดโทษตอนที่ดวลกับ เอซี มิลาน ในเกมชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2005 และทำ 2 ประตูใส่ ซีเอสเคเอ มอสโก ช่วยทีมชนะ 3-1 ในนัดชิงถ้วย ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ อีกด้วย
ผลงานในภาพรวมของ ฌิบริล ซิสเซ่ มีทั้งดีและแย่ โดยส่วนใหญ่เขาถูกจับไปเล่นเป็นตัวรุกทางริมเส้นมากกว่าที่จะเป็นกองหน้าตัวเป้าด้วยความเร็วที่มี สุดท้ายอยู่กับทีมได้ 2 ปี ก่อนจะถูกปล่อยให้ มาร์กเซย ยืมตัวใช้งานในปี 2006 กระทั่งย้ายถาวรในปีถัดมา
ดาวิด เอ็นก็อก
กองหน้าวัย 19 ปี ในตอนที่ย้ายมาร่วมทีม ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2008 ถูกขนานนามเป็น "นิว ดิดิเยร์ ดร็อกบา" ด้วยความเร็วและความแข็งแกร่ง ทำให้แฟนบอลคาดหวังว่าเขาจะทำผลงานได้ดีแบบดาวยิง เชลซี
แมะจะไม่ได้ยิงประตูเป็นกอบเป็นกำมากมายที่ตัวเลข 19 ประตูจาก 94 เกม แต่ภาพรวมของเข้าไม่ได้ขี้เหร่เลย มีความวูบวาบโฉบเฉี่ยว แต่ก็อย่างว่านี่คือช่วงเวลาที่ "หงส์แดง" กำลังพยายามกลับมาสู่จุดสูงสุดอีกครั้งและนั่นไม่เพียงพอ
ในปี 2011 ลิเวอร์พูล ทุ่มเงินดึงทั้ง หลุยส์ ซัวเรซ และ แอนดี้ แคร์โรลล์ เข้ามาเสริมทีม ทำให้เส้นทางของเขากับสโมสรต้องจบลงด้วยการถูกขายให้กับ โบลตัน วันเดอเรอร์ส ไป