สุภาพบุรุษ"เป้"กับอนาคตบนMLS
“ฟุตบอลมันคือเรื่องซับซ้อนและคุณจะลืมประสบการณ์ดีๆที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เฉกเช่นเดียวกับเรื่องแย่ๆ - คุณมักประยุกต์สถานการณ์ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นและหาลูกไม้ใหม่แก่ตัวเอง” ประโยคแรกที่กองหน้าวัยเบญจเพสเรียนรู้จากประสบการณ์นักเตะอาชีพมาเกือบทศวรรษ
‘เป้’เล่นบอลระดับสูงมากว่า 400 นัดนับตั้งแต่แจ้งเกิดที่ อาแอส โมนาโก ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น, ได้แชมป์เวิลด์ คัพ นามทีมชาติฝรั่งเศสตอนอายุแค่ 19 ปี, ย้ายทีมเป็นสถิติต้นๆของโลกมาผนึกกำลัง ลิโอเนล เมสซี่, เนย์มาร์ Jr.ยัง เปแอสเช เมื่อปี 2017
ครองสถิติดาวซัลโวสูงสุดสโมสร, ไล่ล่าเรคคอร์ดท็อปสกอร์นามทีม ‘ตราไก่’ และเป็นแข้งอายุน้อยสุดที่ติด 3 ชอร์ตลิสต์ ลุ้นบัลลง ดอร์
แน่นอนทุกอย่างเกิดจากผลงานบนสนามแข่ง ซึ่งพื้นฐานมาจากร่างกายอันสมบูรณ์ที่เจ้าตัวเน้นรักษาไว้หวังยืนระยะนานสุด
“ทั้งหมดทั้งมวลมันเกิดจากการทำงานหักโหมหลังฉาก เพื่อให้พร้อมสำหรับเกมแข่งหรือต่อให้บาดเจ็บก็สามารถกลับมาอย่างง่ายดายกว่าปกติ” สตาร์เบอร์#7 แห่ง ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ เผย
“ผมมีอุปกรณ์ออกกำลังกายคุณภาพดีในยิมฯที่บ้าน แต่ก็เลือกใช้เวลาส่วนใหญ่เท่าที่ทำได้ยังศูนย์ฝึกสโมสร ทำในสิ่งที่ควรทำที่นั้น ต่อให้หมายความว่าต้องกลับบ้านสาย”
“การฟื้นฟูยังรวมถึงสภาพจิตใจ”
“เวลาอยู่สโมสรถือเป็นการทำงาน แต่เมื่อกลับบ้านอยากให้เป็นพื้นที่ผ่อนคลาย ที่ตัวเองสามารถปล่อยใจและใช้เวลาร่วมกับครอบครัว ซึ่งไม่ค่อยเจอหน้ากันบ่อยนัก”
สถานะคนแบกทีมคือสิ่งที่ คีลิยัน ได้ทราบคร่าวๆก่อนเข้าซีซั่น 2023-24 เมื่อ เมสซี่ หมดสัญญาย้ายออกไป อินเตอร์ ไมอามี แห่งเมเจอร์ลีก ซอคเก้อร์ สหรัฐฯ ขณะที่ เนย์มาร์ Jr.ถูกขายให้ อัล-ฮิลาล แห่ง ซาอุดี โปร ลีก
“ผู้เล่นอันยอดเยี่ยมหลายท่าน ซึ่งได้ขัดเกลาวงการฟุตบอลรอบ 10 ปีที่ผ่านมาต่างย้ายออกจากยุโรปเมื่อหน้าร้อน แล้วเรากำลังเข้าสู่บทใหม่”
“มันเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรในกีฬาชนิดนี้ ซึ่งเมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องถึงคราวผมจากไป”
“ส่วนตัวไม่กังวลต่อความเปลี่ยนแปลง คิดง่ายๆแค่ว่าอยากดำเนินเส้นทางอาชีพต่อไป และตามเส้นทางที่ตัวเองลิขิต”
“ความปรารถนาที่จะเป็นผู้ชนะ, อยากก้าวข้ามขีดจำกัดในทุกสิ่งที่เป็นไปได้ และทำในเรื่องอันยอดเยี่ยม ทั้งหมดล้วนฝังแน่นเป็นส่วนลึกในตัวของผม”
“คิดว่าตัวเองติดหนี้มันด้วยซ้ำ ในด้านให้ความรู้และคอยนำทาง ก็รับมาจากทั้งในหรือนอกสนาม สิ่งที่ผมเผชิญ ได้ช่วยสร้างตัวตนอย่างทุกวันนี้”
“เราต่างถูกโน้มน้าวให้หลงลืมมันไป แต่ยามใดที่ได้เล่นฟุตบอลมันก็คงยังหวนกลับเป็นเด็กอยู่ตลอดกาล”
“ระดับการเล่นฟุตบอลอาจเปลี่ยนไป แต่เรื่องหัวจิตหัวใจไม่เปลี่ยนตาม อารมณ์ร่วมที่มีต่อเกมลูกหนังคงมั่นคงต่อให้ผ่านไปกี่ปี”
พัฒนาการที่มีอย่างต่อเนื่องของแข้งเฟร้นช์ เจ้าตัวยอมรับว่าอิทธิพลสำคัญมาจากการร่วมงานเทรนเนอร์มากฝีมือหลายท่านทั้งนามทีมชาติหรือสโมสร
“ผมคิดว่าการจะเป็นนักเตะที่ดีขึ้น มันมองไปไกลกว่าด้านเทคนิค - การพังประตูจากเท้าซ้ายหรือด้วยลูกโหม่ง เหล่านั้นคือสิ่งสำคัญที่สามารถขยายวิสัยทัศน์ของคุณต่อกีฬาชนิดนี้”
“ไหนยังการได้เล่นให้โค้ชที่แตกต่าง 6-7 ท่าน, วิธีการทำบอลก็ต่างกัน เป็นงานของผมที่ต้องเล่นในแนวทางหลากหลาย”
“บอกเลยว่าผมพัฒนาเกมของตัวเองในหลายเหลี่ยม และยังเติบโตต่อเนื่อง”
“การทำจิตใจให้เหมาะสมก็ส่วนหนึ่งที่จำเป็นสำหรับรับฟังและปรับตัว”
ไม่เพียงแค่รับฟังประสบการณ์จากผู้ประสบความสำเร็จในวงการฟุตบอล แต่ เอ็มบั๊ปเป้ ยังมีโอกาสสนทนากับยอดนักกีฬาหลายแขนง
เพื่อเอาจุดดี, จุดด้อยของแต่ละคนมาประยุกต์ให้เข้ากับตัวเองที่สุด
ชื่อคนดังๆที่ เอ็มบั๊ปเป้ มีโอกาสพูดคุยก็อย่างวงการเทนนิสชาย โรเจอร์ เฟเดอเรอร์, ราฟาเอล นาดาล, โนวัก โยโกวิช หรือวงการแฮนด์บอลฝรั่งเศส นิโกล่า การาบาติช
“ข้อแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ของปัจจุบัน เทียบกับตัวเองก่อนหน้านั้นคงเป็นเรื่องความตั้งใจ คิดว่าตอนนี้แน่วแน่ขึ้นเรื่องการสร้างผลงานบุคคล, การวางตัว ทั้งหมดทำเพื่อทีม”
“ตำแหน่งกัปตันคือตัวหล่อเลี้ยงสิ่งใหม่ ขยับขยายวิสัยทัศน์”
มุมมองต่อโลกลูกหนังในอนาคตที่ตัวเองจะเป็นหัวหอกวงการ ทาง เอ็มบั๊ปเป้ ค่อนข้างกังวลเรื่องคิวแข่งที่มากขึ้นตั้งแต่ปรี-ซีซั่น จนอาจนำไปสู่คุณภาพเกมที่ลดลงเนื่องจากต้องบริหารขุมกำลังเพื่อยืนระยะทั้งฤดูกาล
“เรามีคิวแข่งต่อฤดูกาลเกือบๆเท่าบาสฯ เอ็นบีเอ - ตอนนี้ก็ร่วม 70 นัด”
“โดยส่วนตัวไม่มีปัญหาในการเล่นมากเกม-ต่อ-ฤดูกาล แต่เราคงไม่สามารถผลงานดีอยู่ได้ตลอดเวลา แบบที่ผู้ชมคาดหวัง”
“อย่างในลีกเอ็นบีเอนักกีฬาเด่นไม่ได้แข่งทุกเกม เขามีเหตุผลพักใช้งานว่าไม่อยากหักโหมเกินไป แต่ถ้าผมพูดจากปากว่าเหนื่อย ไม่อยากแข่งเกมวันเสาร์ ผลลัพธ์คงออกมาไม่ดีแหง”
“แฟนบอลที่ตั๋วเข้าชมเกม, ใครก็ตามที่อาจมีโอกาสเข้ามาชมบอลในสนาม ทั้งฤดูกาลแค่หนเดียว ก็อยากเห็นผลงานให้คุ้มกับชื่อเสียงนักเตะ สิ่งนั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้”
“ผมก็ไม่อยากเทศนาสั่งสอนใคร แต่เราจำเป็นต้องมาคิดหาทางออกร่วมกัน จะมีวิธีแก้ปัญหาดีสุดต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร เพื่อที่ทุกฝ่ายทั้งผู้เล่น, แฟนบอล และฝ่ายจัดการแข่งขันยอมรับได้”
ปารีส โอลิมปิก 2024 ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ เอ็มบั๊ปเป้ ถูกถามเสมอว่าอยากรับใช้มาตุภูมิล่าเหรียญทองไหม?
ซึ่งคำตอบจากปากเขาคือคงบอกผ่านต่อให้แต่ละชาติส่งผู้เล่นอายุเกิน 23 ปีได้ 3 คน-ต่อ-ทีมก็ตาม
“ผมมาถึงจุดนี้ของชีวิตและอาชีพ ซึ่งไม่อยากฝืนทำอะไรเกินตัวอีกแล้ว”
“ถามแค่ผมเองก็อยากเล่นให้ทีมชาติอยู่แล้ว แต่หากมันเป็นไปไม่ได้ก็สามารถยอมรับ”
“สำหรับนักกีฬาทุกคน การได้ชื่อว่าแข่งโอลิมปิก เกมส์ มันคือสถานะพิเศษ อย่าง โตเกียว อลป. 2020 ตอนนั้นผมอยากไปเล่นด้วย เพราะต้องการจารึกชื่อตัวเองว่าคว้าแชมป์ทุกรายการ, ได้อยู่บนหน้าประวัติศาสตร์ฐานะผู้เล่นทีมชาติเฟร้นช์ จะรายการใดก็ช่าง”
ปิดท้ายว่าอยากไปเล่นที่เมเจอร์ลีก ซอคเก้อร์ สหรัฐฯ หรือขุดทองที่ ซาอุดี โปร ลีก ไหม?
ทาง เอ็มบั๊ปเป้ บอกเป็นเรื่องของอนาคตไม่ปิดทุกความเป็นไปได้
แต่หากร่างกายยังไหว ก็อยากท้าท้ายตัวเองในลีกระดับสูงสุด
“ผมแสดงให้เห็นแล้วว่าแรงกดดันไม่มีผลกระทบใดต่อตัวเองในเชิงลบ และก็ยังยืนยัยคำเดิมว่าจำเป็นต้องแสดงผลงานที่ดีสุดออกมา”
“ความกดดันมันเปิดโอกาสให้ผมคงรักษาดีกรีของความเป็นเลิศตามที่ถูกเรียกร้อง จากการเล่นฟุตบอลระดับสูงสุด”
ก็จนกว่าจะแก่ทะลุ 35+ เมื่อนั้น เอ็มบั๊ปเป้ อาจลุ้นบ่ายหน้าสู่อีกฟากของมหาสมุทรแอตแลนติก
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT